ทาเทียนา ชลอสเบิร์ก หลานสาวของ จอห์น เอฟ. เคนเนดี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสียชีวิตแล้วในวัยเพียง 35 ปี เดือนเดียวหลังเธอเปิดเผยว่า ตัวเองป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.ทาเทียนา ชลอสเบิร์ก หลานสาวของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอห์น เอฟ. เคนเนดี เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 35 ปี เพียงเดือนเดียวหลังจากเธอออกมาเปิดเผยว่า ตนเองป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

เมื่อวันอังคารที่ 30 ธ.ค. 2568 ครอบครัวของชลอสเบิร์กประกาศข่าวการเสียชีวิตของเธอผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่แชร์โดยมูลนิธิห้องสมุดจอห์น เอฟ. เคนเนดี โดยระบุว่า “ทาเทียนาผู้แสนงดงามของเราจากไปแล้วเมื่อเช้านี้ เธอจะอยู่ในใจของพวกเราตลอดไป”

เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ชลอสเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสายสิ่งแวดล้อม ออกมาประกาศว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งชนิดรุนแรง โดยเธอระบุในบทความ ว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งปี

ทั้งนี้ ชลอสเบิร์ก เป็นบุตรสาวของ เอ็ดวิน ชลอสเบิร์ก ดีไซเนอร์ชื่อดัง และ แคโรไลน์ เคนเนดี นักการทูตและอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ

ในบทความที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร The New Yorker เมื่อเดือนก่อน ภายใต้หัวข้อ “การต่อสู้กับเลือดของฉัน” (A Battle With My Blood) ชลอสเบิร์กเปิดเผยว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (AML) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 หลังจากที่เธอเพิ่งให้กำเนิดบุตรคนที่สองได้ไม่นาน

“ความรู้สึกแรกของฉันคือ ลูกๆ ของฉัน—ใบหน้าของพวกเขาที่ติดตรึงอยู่ในห้วงคำนึงของฉันตลอดเวลา—จะจำฉันไม่ได้” เธอเขียนไว้ในบทความ และบรรยายถึงการรักษาที่เธอได้รับ ทั้งการทำเคมีบำบัดและการปลูกถ่ายไขกระดูก แต่เธอก็ยอมรับว่าแพทย์ไม่ได้ให้ผลการพยากรณ์โรคที่ดีนัก

...

เธอยังเขียนถึงความเจ็บปวดที่เธอกังวลว่าการจากไปของเธอจะส่งผลกระทบต่อครอบครัว ซึ่งเป็นครอบครัวที่ต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคุณตาของเธอ ประธานาธิบดีเคนเนดี ที่ถูกลอบสังหารในปี 2507 และ จอห์น เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ น้าชายของเธอที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกในปี 2542

ขณะที่ แจ็ค ชลอสเบิร์ก น้องชายของเธอ กำลังอยู่ในช่วงลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนิวยอร์ก

“ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันพยายามเป็นคนดีมาโดยตลอด เป็นนักเรียนที่ดี เป็นน้องสาวที่ดี และเป็นลูกสาวที่ดี เพื่อที่จะปกป้องแม่และไม่เคยทำให้ท่านต้องเสียใจหรือโกรธเลย” ชลอสเบิร์กเขียน

“แต่ตอนนี้ ฉันกลับกลายเป็นผู้ที่เพิ่มโศกนาฏกรรมครั้งใหม่ให้แก่ชีวิตของท่าน และให้แก่ชีวิตครอบครัวของเรา โดยที่ฉันไม่สามารถทำอะไรเพื่อหยุดยั้งมันได้เลย”

ในบทความความเรียงของเธอ ชลอสเบิร์กยังได้แสดงความผิดหวังต่อการแต่งตั้ง โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ ผู้เป็นน้าชายของเธอ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ด้วย

อนึ่ง ก่อนที่เธอจะมีบทความเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคซึ่งกลายเป็นกระแสไปทั่ว ชลอสเบิร์กสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้สื่อข่าวสายสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

เธอเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Inconspicuous Consumption: The Environmental Impact You Don't Know You Have” นอกจากนี้ เธอยังเขียนบทความเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและประเด็นอื่นๆ ให้กับนิตยสาร New York Times ด้วย

เมื่อเดือนธันวาคม 2564 เธอได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการทดลองในท้องถิ่นเพื่อนำพลังงานจากรถไฟใต้ดินลอนดอนมาใช้ผลิตความร้อนให้กับอาคารบ้านเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ฉันคิดว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่าง” เธอให้สัมภาษณ์กับ NBC News ในปี 2562 “มันเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์และธรรมชาติ แต่ก็ยังเป็นเรื่องของทั้งการเมือง สุขภาพ และธุรกิจด้วย สำหรับฉันในฐานะนักข่าว นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่สำคัญมากที่ต้องบอกเล่าออกไป”

เธอระบุอีกว่า “และถ้าฉันสามารถช่วยสื่อสารเรื่องนี้ได้ นั่นอาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมและช่วยกันแก้ปัญหานี้”


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc