ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุ "ไม่กังวล" ต่อการซ้อมรบทางทหารของจีนรอบเกาะไต้หวัน มองเป็นกิจกรรมที่ทำมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะกองทัพจีนเปิดฉากซ้อมรบสองวันจำลองการปิดล้อมและยึดพื้นที่สำคัญของเกาะ เพื่อตอบโต้แนวโน้มเอกราชและการแทรกแซงจากภายนอก พร้อมย้ำว่าตนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ล่าสุดถึงกรณีที่กองทัพจีนเปิดฉากซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวัน โดยระบุว่าเขา "ไม่รู้สึกกังวล" ต่อสถานการณ์ดังกล่าว แม้ว่าการซ้อมรบในครั้งนี้จะเป็นการจำลองสถานการณ์การปิดล้อมเกาะไต้หวันอย่างเต็มรูปแบบก็ตาม
"ผมมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และเขาก็ไม่ได้บอกอะไรผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าผมเห็นมันแล้ว" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่ากองทัพเรือจีนซ้อมรบในพื้นที่ดังกล่าวมานานกว่า 20 ปีแล้ว จึงไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล
การซ้อมรบระยะเวลา 2 วันซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ธ.ค.) เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงขายอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งให้แก่ไต้หวัน มูลค่ากว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.46 แสนล้านบาท) ซึ่งรวมถึงเครื่องยิงจรวดล้ำสมัยและขีปนาวุธหลายประเภท สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก
กองทัพจีนระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้เป็น "คำเตือน" ต่อกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไต้หวันและการแทรกแซงจากภายนอก โดยในวันอังคารมีการซ้อมยิงกระสุนจริงต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ครอบคลุมพื้นที่ 5 จุดรอบเกาะไต้หวัน พร้อมระดมทั้งเรือทำลายล้าง เรือฟริเกต และเครื่องบินทิ้งระเบิด เพื่อทดสอบขีดความสามารถในการประสานงานระหว่างกองทัพเรือและกองทัพอากาศ
...
กระทรวงกลาโหมไต้หวันรายงานว่า พบเครื่องบินรบของจีนถึง 130 ลำวนเวียนอยู่รอบเกาะเมื่อเช้าวันอังคาร โดยในจำนวนนี้กว่า 90 ลำได้บินข้าม "เส้นแบ่งกึ่งกลางช่องแคบ" ซึ่งเป็นแนวเขตแดนไม่เป็นทางการในช่องแคบไต้หวัน นอกจากนี้ยังพบเรือรบจีนอีกกว่า 10 ลำ ทำให้ไต้หวันต้องสั่งการให้กองทัพเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและเตรียมระบบขีปนาวุธชายฝั่งให้พร้อมตอบโต้
ด้านประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียตำหนิจีนว่า การยกระดับแรงกดดันทางทหารไม่ใช่สิ่งที่มหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบควรทำ พร้อมยืนยันว่าไต้หวันจะไม่เป็นฝ่ายจุดชนวนความขัดแย้ง แต่จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ
ซูซาน เชิร์ก อดีตรองผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ วิเคราะห์ว่า การซ้อมรบครั้งนี้จีนต้องการส่งสัญญาณไปที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" มากกว่าชาวไต้หวัน เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการขายอาวุธ ขณะเดียวกันเธอก็กังวลว่า ทรัมป์อาจมีแนวทางการเมืองแบบ "เน้นการแลกเปลี่ยน" ซึ่งเขาอาจยอมลดระดับความช่วยเหลือทางทหารต่อไต้หวัน เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือข้อตกลงทางการค้ากับจีนในอนาคต
ขณะที่ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ย้ำชัดเจนว่า จีนจำเป็นต้องตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการยั่วยุของกลุ่มหนุนเอกราชในไต้หวัน และการขายอาวุธของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า "การรวมชาติ" เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่จีนต้องทำให้สำเร็จ.
ที่มา BBC