เซเลนสกีเผย สหรัฐฯ เสนอรับประกันความมั่นคงให้ยูเครนนาน 15 ปี หากลงนามข้อตกลงสันติภาพ แต่ฝ่ายยูเครนหวังให้สหรัฐฯ รับประกันนานสุดถึง 50 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 29 ธ.ค. 2568 ว่า นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้เสนอการรับประกันความมั่นคงให้แก่ยูเครนเป็นเวลา 15 ปี ระหว่างที่เขาหารือเรื่องแผนการสันติภาพกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รัฐฟลอริดาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ธ.ค.)

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าข้อตกลงในประเด็นนี้เสร็จสิ้นไป "เกือบ 95%" แล้ว แต่ผู้นำยูเครนระบุในภายหลังว่าเขาต้องการการรับประกันเป็นระยะเวลานานสูงสุดถึง 50 ปี

นายเซเลนสกีบอกด้วยว่า ประเด็นเรื่องดินแดนและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียที่ถูกรัสเซียยึดครอง เป็นประเด็นสุดท้ายที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และมีการกล่าวถึงอนาคตของภูมิภาคดอนบาสที่มีการสู้รบกันอยู่น้อยมาก

ก่อนหน้านี้รัสเซียได้ปฏิเสธส่วนสำคัญของแผนสันติภาพดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวทาสส์ (Tass) ของรัฐบาลรัสเซียรายงานในวันจันทร์ว่า โฆษกรัฐบาลเครมลินเห็นพ้องกับการประเมินของทรัมป์ว่า สันติภาพนั้นขยับใกล้เข้ามามากขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เซเลนสกีกล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังการประชุมที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ในรัฐฟลอริดา ว่า เขาเชื่อว่าข้อตกลงสันติภาพในภาพรวมนั้นสำเร็จไปแล้วกว่า 90% ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับที่เขาเคยระบุไว้ในช่วงก่อนการเดินทางมาเยือนครั้งนี้

ผู้นำทั้งของสหรัฐฯ และยูเครนต่างส่งสัญญาณว่ามีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหามานาน นั่นคือเรื่องการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครน โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เซเลนสกีหวังว่าการรับประกันความมั่นคงใด ๆ ก็ตามควรจะมีผลบังคับใช้ทันทีที่ยูเครนลงนามในข้อตกลง

...

“หากไม่มีการรับประกันความมั่นคง สงครามนี้ก็ไม่สามารถถือได้ว่ายุติลงอย่างแท้จริง เราไม่สามารถยอมรับว่ามันสิ้นสุดลงแล้ว เพราะการมีประเทศเพื่อนบ้านเช่นนี้ ความเสี่ยงที่จะเกิดการรุกรานซ้ำรอยเดิมยังคงมีอยู่เสมอ” เซเลนสกีอธิบายตามรายงานของสำนักข่าว AFP

เขาเสริมด้วยว่าต้องการให้สหรัฐฯ พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะรับประกันความมั่นคงเพิ่มเติมเป็น 30, 40 หรือ 50 ปี

ทางด้านสหรัฐฯ ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับกรอบเวลาดังกล่าว โดยเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์กล่าวเพียงว่าข้อตกลงนั้นใกล้จะบรรลุผลแล้ว และเขาคาดหวังให้พันธมิตรในยุโรป "เข้ามามีบทบาทรับผิดชอบส่วนใหญ่" ในความพยายามนี้ โดยมีสหรัฐฯ ให้การสนับสนุน

อนึ่ง ปัจจุบันรัสเซียควบคุมพื้นที่ประมาณ 75% ของแคว้นโดเนสตก์ และประมาณ 99% ของแคว้นลูฮานสก์ที่อยู่ติดกันเอาไว้ โดยทั้งสองแคว้นนี้เป็นที่รู้จักรวมกันในชื่อภูมิภาค "ดอนบาส" (Donbas)

ชะตากรรมของพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคสำคัญมาโดยตลอดการเจรจา เนื่องจากรัสเซียแสดงท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อต่อเป้าหมายในการเข้ายึดครองภูมิภาคดอนบาสอย่างเบ็ดเสร็จ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รัฐบาลเครมลินได้ย้ำอีกครั้งว่า ยูเครนควรจะถอนทหารออกจากพื้นที่ที่เคียฟควบคุมอยู่ในภูมิภาคดอนบาส ขณะที่ยูเครนยืนกรานว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจเปลี่ยนเป็นเขตเศรษฐกิจเสรีที่ดูแลโดยกองกำลังของตนเอง แต่เซเลนสกีย้ำว่า การหารือใด ๆ ในเรื่องนี้ควรจะรวมเอาความเห็นของประชาชนชาวยูเครนเข้าไปด้วย

ทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนจุดยืนของตนเองหลายต่อหลายครั้งเกี่ยวกับเรื่องดินแดนที่สูญเสียไปของยูเครน โดยในเดือนกันยายนเขาได้สร้างความตกตะลึงแก่บรรดาผู้สังเกตการณ์ด้วยการเสนอแนะว่า ยูเครนอาจจะสามารถยึดดินแดนเหล่านั้นกลับคืนมาได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนท่าทีไปในทางตรงกันข้าม

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้เสนอความเป็นไปได้ในการจัดการประชุมไตรภาคีระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครน โดยระบุว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นได้ "เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม"


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc