กองทัพจีนสั่งระดมพลเตรียมซ้อมรบรอบไต้หวันภายใต้รหัส "Justice Mission 2025" ในวันที่ 30 ธ.ค. นี้ จำลองสถานการณ์ยึดเกาะและปิดล้อมพื้นที่ยุทธศาสตร์ หวังส่งสัญญาณเตือน "กองกำลังแบ่งแยกดินแดน" และ "กองกำลังภายนอก" หลังสหรัฐฯ อนุมัติขายอาวุธล็อตใหญ่ให้ไต้หวัน ด้านรัฐบาลไต้หวันสั่งกองทัพเฝ้าระวังสูงสุด

กองบัญชาการภาคตะวันออกของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) ประกาศจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ในวันอังคารนี้ (30 ธ.ค.) โดยจะมีการระดมกำลังทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังขีปนาวุธ เพื่อฝึกซ้อมการใช้กระสุนจริงและการปิดล้อมจุดสำคัญทั่วเกาะไต้หวัน

การซ้อมรบครั้งนี้ใช้รหัสว่า "Justice Mission 2025" ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากสหรัฐอเมริกาประกาศขายแพ็กเกจอาวุธล็อตใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งให้แก่ไต้หวัน มูลค่าสูงถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 แสนล้านบาท) ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับจีน จนนำไปสู่การคว่ำบาตรบริษัทป้องกันประเทศของสหรัฐฯ

กองบัญชาการภาคตะวันออกของจีนระบุผ่านโซเชียลมีเดียเว่ยป๋อว่า การซ้อมรบครั้งนี้เปรียบเสมือน "โล่แห่งความยุติธรรม" พร้อมประกาศกร้าวว่า "ใครก็ตามที่คิดวางแผนแบ่งแยกดินแดนจะต้องถูกกำจัดเมื่อเผชิญหน้ากับโล่นี้"

ด้านทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันได้ออกมาประณามการเคลื่อนไหวของจีนว่าเป็นการท้าทายบรรทัดฐานสากล ขณะที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันรายงานว่า ตรวจพบเครื่องบินและเรือรบของจีนวนเวียนอยู่รอบเกาะตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา จึงได้ส่งกองกำลังและระบบขีปนาวุธเข้าประจำการเพื่อเฝ้าระวังในระดับสูงสุด

ขณะที่ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ยืนยันผ่านการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะ "รักษาภาพรวมที่เป็นอยู่" และจะไม่ยั่วยุจีน แต่ความสงบสุขต้องพึ่งพา "ความแข็งแกร่งที่แท้จริง" โดยไต้หวันจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันตนเองเพื่อให้จีนตระหนักถึงความยากลำบากหากคิดจะรุกราน

...

บริบทความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงการซ้อมรบในสัปดาห์นี้ถือเป็นครั้งแรกภายใต้การนำของ หยาง จื้อปิน ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคตะวันออกคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมา จีนมักจะใช้การซ้อมรบเป็นการตอบโต้เหตุการณ์สำคัญ เช่น การเยือนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ หรือการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำไต้หวัน

นอกจากนี้ จีนยังมีกฎหมายที่ระบุชัดเจนว่าสามารถใช้ "วิธีการที่ไม่ใช่สันติภาพ" ได้ หากมีการประกาศแยกตัวเป็นเอกราชอย่างเป็นทางการ ขณะที่ผลสำรวจความเห็นในไต้หวันยังคงชี้ชัดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการรักษา "สถานะปัจจุบัน" คือไม่ต้องการรวมชาติและไม่ต้องการประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม.


ที่มา BBC