เซเลนสกีเข้าพบและหารือกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ฟลอริดา โดยระบุว่า พวกเขาเห็นชอบแผนการสันติภาพไปแล้ว 90% แต่ปัญหาเรื่องดินแดนยังไม่ได้ข้อยุติ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ธ.ต. 2568 นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เดินทางเข้าพบ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่รีสอร์ต มาร์-อา-ลาร์โก ในรัฐฟลอริดา เพื่อหารือกันเรื่องแผนการสันติภาพ 20 ข้อ รวมถึงเรื่องที่ฝ่ายยูเครนเป็นผู้เสนอ

ในการแถลงข่าวหลังการหารือ นายทรัมป์กล่าวว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากยูเครน พร้อมกับชื่นชมพวกเขาว่าเป็น “กลุ่มคนที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่”

จากนั้น เซเลนสกีได้กล่าวขอบคุณทรัมป์สำหรับ “การประชุมที่ยอดเยี่ยม” และว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในทุกแง่มุมของกรอบความร่วมมือเพื่อสันติภาพ และมีการเห็นชอบแผนสันติภาพ 20 ข้อร่วมกันแล้วกว่า 90% ในขณะที่การรับประกันความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ-ยูเครนนั้นได้รับความเห็นชอบร่วมกันเต็ม 100% แล้ว

“หลักประกันความมั่นคงคือ หมุดหมายสำคัญในการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืน” เซเลนสกีกล่าวในลำดับถัดมา ก่อนจะเสริมว่า ทีมงานจากยุโรปและยูเครนจะเดินหน้าทำงานในเรื่องนี้ต่อไป และจะมีการพบปะกัน “ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” เพื่อ “หาข้อสรุปในทุกประเด็นที่ได้หารือกันไว้”

นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะให้การต้อนรับคณะทำงานดังกล่าว ณ กรุงวอชิงตัน ในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ด้วย

ต่อมานายทรัมป์กล่าวว่า การรับประกันความมั่นคงนั้นเสร็จสิ้นไป “เกือบ 95%” แล้ว แต่เสริมว่า “ผมไม่ค่อยชอบพูดเป็นเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่”

เมื่อถูกถามว่ามีการตกลงกันเรื่องเขตการค้าเสรีในภูมิภาคดอนบาสแล้วหรือยัง ทรัมป์ตอบว่าเรื่องนี้ยัง “ไม่ได้ข้อยุติ แต่ก็ขยับเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นมาก”

...

จากนั้นเซเลนสกีถูกถามถึงประเด็นเรื่องดอนบาส ซึ่งผู้นำยูเครนตอบว่า เราเคารพดินแดน “ที่เราควบคุมอยู่” พร้อมระบุว่าท่าทีของยูเครนต่อดอนบาสนั้น “ชัดเจนมาก” และ “เรามีจุดยืนที่แตกต่างจากรัสเซีย”

เมื่อถูกถามว่าประเด็นใดที่ “ยากลำบากที่สุด” ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ ทรัมป์ตอบสั้นๆ ว่า “เรื่องดินแดน”

“คุณควรจะตกลงกันให้ได้ในตอนนี้จะดีกว่า” เขากล่าว พร้อมเสริมว่ายูเครนนั้น “กล้าหาญมาก... และสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล” แต่ “มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติ” ความขัดแย้งนี้

ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการเดินทางไปเยือนยูเครน แต่ต้องการให้ข้อตกลงเสร็จสิ้นก่อน เขายังระบุด้วยว่าได้เสนอตัวที่จะไปกล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภายูเครน หากเซเลนสกีคิดว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ซึ่งเซเลนสกีตอบกลับว่า “คุณได้รับการต้อนรับเสมอ”

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า เขาได้พูดคุยกับ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียของยูเครน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียมาตั้งแต่ช่วงเริ่มสงคราม

“อันที่จริง ประธานาธิบดีปูตินกำลังทำงานร่วมกับยูเครนเพื่อให้โรงไฟฟ้ากลับมาเปิดใช้งานได้” ทรัมป์กล่าว “เขาทำได้ดีมากในแง่นี้ เขาต้องการเห็นมันเปิดใช้งาน” และเสริมว่า “เขาไม่ได้ยิงขีปนาวุธใส่โรงไฟฟ้านั้น”

เมื่อถูกถามว่าสงครามนี้จะใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะยุติ ทรัมป์ตอบว่าอาจจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ “ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เราจะได้รู้กันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร” เขากล่าว

เมื่อถูกถามว่าเขามองเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดการประชุมไตรภาคีระหว่างรัสเซีย สหรัฐฯ และยูเครนหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่าเขามองเห็นโอกาสนั้นในเวลาที่เหมาะสม “เขา (ปูติน) ต้องการให้มันเกิดขึ้น” ทรัมป์กล่าว “เขาบอกกับผมอย่างหนักแน่นมาก และผมเชื่อเขา”

ทรัมป์เสริมด้วยว่า ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำรัสเซียเป็นเวลานานถึงสองชั่วโมงครึ่ง โดยนักข่าวถามต่อว่า รัสเซียจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการช่วยฟื้นฟูยูเครนด้วยหรือไม่

“พวกเขาจะเข้ามาช่วย” ทรัมป์กล่าวถึงรัสเซีย “รัสเซียต้องการเห็นยูเครนประสบความสำเร็จ”

ผู้นำสหรัฐฯ บอกอีกว่า ปูตินแสดงความเอื้อเฟื้ออย่างมากในความปรารถนาที่จะเห็นความสำเร็จของยูเครน ซึ่งรวมถึง “การจัดหาพลังงาน ไฟฟ้า และสิ่งอื่น ๆ ในราคาที่ต่ำมาก” แต่ปูตินยังไม่ได้ตอบตกลงในเรื่องการหยุดยิง เพราะเขาไม่ต้องการหยุดรบแล้วต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งซึ่ง “ผมเข้าใจจุดยืนนั้น” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเสริม

จากนั้นเซเลนสกีถูกถามถึงประเด็นเกี่ยวกับชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และคำถามที่ว่าพวกเขาจะมีส่วนร่วมในการลงประชามติเพื่อเห็นชอบต่อข้อตกลงใดๆ ในการยุติสงครามได้หรือไม่

“พวกเขามีสิทธิ์ในเรื่องนี้” ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมเสริมว่าจำเป็นจะต้องมีการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริง ก่อนที่การแถลงข่าวร่วมของผู้นำทั้งสองคนจะสิ้นสุดลง


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc