ศาลสูงมาเลเซียพิพากษาอดีตนายกรัฐมนตรี "นาจิบ ราซัค" มีความผิดฐานใช้อำนาจมิชอบ 4 กระทง กรณีถ่ายโอนเงินกว่า 700 ล้านดอลลาร์จากกองทุน 1MDB เข้าบัญชีส่วนตัว และมีความผิดในทุกข้อหาทั้ง 21 ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยศาลชี้คำอ้างเรื่องเงินบริจาคจากซาอุฯ ไม่น่าเชื่อถือ ผู้พิพากษาชี้ นายราจิบ "ไม่ใช่คนไร้เดียงสา" หลังอ้างว่าถูกหลอก
วันนี้ (26 ธ.ค.) ศาลสูงมาเลเซียมีคำพิพากษาตัดสินให้ นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 72 ปี มีความผิดในข้อหาใช้อำนาจมิชอบ 4 กระทง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีทุจริตพันล้านดอลลาร์จากการยักยอกเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย หรือ 1MDB
ในการพิจารณาคดี นายนาจิบปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาโดยอ้างมาตลอดว่า เงินจำนวนมหาศาลกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,740 ล้านบาท) ที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขานั้น เป็นเงินบริจาคทางการเมืองจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย และเขาถูกหลอกโดยนาย โหลว เติ๊ก โจ่ หรือรู้จักในชื่อ โจ โลว์ นักการเงินผู้ทรงอิทธิพลที่ยังคงหลบหนีคดีอยู่
อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษา คอลลิน ลอว์เรนซ์ เซเกราห์ ระบุว่าคำอ้างดังกล่าว "ยากเกินกว่าจะเชื่อได้" เนื่องจากหลักฐานชี้ชัดว่าจดหมาย 4 ฉบับที่อ้างว่ามาจากผู้บริจาคชาวซาอุฯ นั้นเป็นของปลอม และเงินดังกล่าวมีที่มาจากกองทุน 1MDB อย่างชัดเจน นอกจากนี้พยานหลักฐานยังแสดงให้เห็นถึง "ความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก" ระหว่างนายนาจิบและโจ โลว์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนและผู้ประสานงานหลักให้กับนายนาจิบในกองทุนนี้
ผู้พิพากษายังกล่าวอย่างเผ็ดร้อนว่า "จำเลยไม่ใช่คนบ้านนอกที่ไร้เดียงสา" และความพยายามใดๆ ที่จะวาดภาพจำเลยว่าเป็นคนเขลาที่ไม่รู้เรื่องราวความผิดปกติรอบตัวนั้น ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
...
ศาลยังตัดสินว่า นายนาจิบ ราซัก มีความผิดในทุกข้อหาทั้ง 21 ข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต 1MDB ซึ่งทำให้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ถูกยักยอกไปจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ปัจจุบันยุบไปแล้ว ผู้พิพากษาคอลลิน ลอว์เรนซ์ เซเควราห์ กล่าวว่า "ศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิดในทุกข้อหาทั้ง 21 ข้อหา และพิพากษาลงโทษจำเลยตามนั้น"
นายนาจิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2009 ถึง 2018 เขาเป็นผู้ก่อตั้งและนั่งเก้าอี้ประธานที่ปรึกษาของกองทุน 1MDB ซึ่งต่อมากลายเป็นคดีอื้อฉาวไปทั่วโลก กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่าเงินกว่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ถูกยักยอกไปฟอกเงินผ่านหลายประเทศ เพื่อนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรู, เรือยอร์ช, งานศิลปะชั้นสูง และแม้กระทั่งใช้ทุนสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูด จนอดีตอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ เรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ระบอบจอมโจรที่เลวร้ายที่สุด"
ปัจจุบันนายนาจิบกำลังรับโทษจำคุกจากคดีก่อนหน้า (คดี SRC International) ซึ่งเขาถูกตัดสินจำคุก 12 ปี ก่อนจะได้รับการลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 6 ปี โดยคณะกรรมการอภัยโทษเมื่อต้นปี 2024 นอกจากนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาศาลเพิ่งยกคำร้องที่เขาขอรับโทษกึ่งหนึ่งด้วยการกักตัวที่บ้านพัก
ขณะที่นางรอสมาห์ มันซอร์ ภริยาของเขาก็ถูกตัดสินจำคุก 10 ปีในคดีคอร์รัปชันแยกต่างหากเมื่อปี 2022 และอยู่ระหว่างการประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดี
คำตัดสินครั้งล่าสุดนี้ทำให้นายนาจิบ ซึ่งเดิมมีกำหนดพ้นโทษในเดือนสิงหาคม 2028 อาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกที่ยาวนานขึ้นอีก และถือเป็นจุดตกต่ำที่สุดของทายาทตระกูลการเมืองผู้ทรงอิทธิพลที่เคยปกครองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน.
ที่มา AP