คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมคุมการทดสอบยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่นใหม่ ประณามสหรัฐฯ-เกาหลีใต้เป็นภัยคุกคาม

สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของประเทศ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมประณามแผนความร่วมมือด้านการทหารระหว่าง สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ ที่ผลักดันให้โซลพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ โดยระบุว่าเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกตอบโต้

รายงานระบุว่า ความไม่พอใจของเปียงยางปะทุขึ้นหลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อนุมัติให้เกาหลีใต้เดินหน้าโครงการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างการเยือนเกาหลีใต้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับเกาหลีเหนือซึ่งเป็นประเทศครอบครองอาวุธนิวเคลียร์


อย่างไรก็ตาม รายละเอียดสำคัญของโครงการ เช่น สถานที่ก่อสร้างเรือดำน้ำจริง ยังคงไม่มีความชัดเจน ขณะที่เทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นหนึ่งในความลับทางทหารที่อ่อนไหวและถูกปกป้องอย่างเข้มงวดที่สุดของสหรัฐฯ โดยมีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ครอบครองเทคโนโลยีนี้

...

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนที่แล้ว KCNA เคยออกบทวิเคราะห์โจมตีความร่วมมือดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นความพยายามเผชิญหน้าอย่างอันตราย และเตือนว่าอาจนำไปสู่ปรากฏการณ์โดมิโนนิวเคลียร์ในภูมิภาค

KCNA รายงานเพิ่มเติมว่า คิม จองอึน ระบุว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงในปัจจุบันอยู่ในภาวะเชิงลบ ทำให้การเร่งพัฒนา การติดอาวุธนิวเคลียร์ให้กองทัพเรือ เป็นภารกิจเร่งด่วนและเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


ผู้นำเกาหลีเหนือยังได้รับฟังรายงานเกี่ยวกับการวิจัยอาวุธใต้น้ำลับรูปแบบใหม่ พร้อมวางแผนยุทธศาสตร์สำหรับการปรับโครงสร้างกองทัพเรือและการจัดตั้งหน่วยรบใหม่ด้วย แต่ KCNA ไม่เปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของโครงการเหล่านี้

ในรายงานอีกฉบับ KCNA ระบุว่า คิม จองอึน ยังได้ควบคุมการทดสอบยิง ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกลรุ่นใหม่ เหนือทะเลตะวันออก ซึ่งสื่อทางการอ้างว่า ขีปนาวุธที่ถูกยิงขึ้นไปสามารถโจมตีเป้าหมายจำลองได้อย่างแม่นยำที่ระดับความสูง 200 กิโลเมตร ซึ่งหากเป็นจริง จะถือว่าเข้าสู่ระดับอวกาศ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การเคลื่อนไหวของคิม จองอึน ทั้งการโชว์ศักยภาพเรือดำน้ำนิวเคลียร์และขีปนาวุธขั้นสูง เป็นสัญญาณชัดเจนของการส่งสารเชิงยุทธศาสตร์ถึงสหรัฐฯ และพันธมิตร ในช่วงที่สถานการณ์ความมั่นคงในเอเชียตะวันออกยังคงเปราะบาง และการแข่งขันด้านอาวุธทวีความเข้มข้นมากขึ้น.


ที่มา: channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ คิมจองอึน