กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พบเอกสารที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีของนาย เจฟฟรีย์ อีกนับล้านฉบับ ทำให้ต้องใช้เวลาตรวจสอบอีก 2-3 วันก่อนจะเผยแพร่ต่อสาธารณะได้

เมื่อวันพุธที่ 24 ธ.ค. 2568 ที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า ตรวจพบเอกสารเพิ่มเติมอีกกว่า 1 ล้านฉบับที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีของนาย เจฟฟรีย์ เอปสตีน อดีตนักการเงินผู้ถูกตัดสินความผิดคดีทางเพศ และอาจต้องใช้เวลา “อีก 2-3 สัปดาห์” ในการประมวลผลและเปิดเผยต่อสาธารณะ

ทางกระทรวงฯ ได้เปิดเผยเรื่องนี้ผ่านการโพสต์บนแพลตฟอร์ม X โดยระบุว่า อัยการสหรัฐฯ ประจำเขตนิวยอร์กใต้ (SDNY) และ FBI ได้แจ้งให้ทางกระทรวงฯ ทราบถึงการค้นพบเอกสารชุดใหม่นี้

“กระทรวงยุติธรรมได้รับเอกสารเหล่านี้จาก SDNY และ FBI เพื่อนำมาตรวจสอบก่อนทำการเปิดเผย เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายความโปร่งใสในคดีเอปสตีน รวมถึงข้อกำหนดทางกฎหมายและคำสั่งศาลที่มีอยู่” ข้อความในโพสต์ระบุ

“เรามีทีมกฎหมายที่ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบและคัดกรองเนื้อหา (Redaction) ตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อคุ้มครองเหยื่อ และเราจะเปิดเผยเอกสารเหล่านี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมหาศาล กระบวนการนี้อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ กระทรวงฯ จะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายรัฐบาลกลางและคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการเปิดเผยแฟ้มข้อมูลเหล่านี้อย่างเต็มที่”

การประกาศของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลกำลังทยอยเปิดเผยเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายเอปสตีน ตามกฎหมายความโปร่งใสฉบับใหม่ที่สภาคองเกรสเพิ่งผ่านร่างเมื่อเดือนก่อน

เดิมกำหนดเส้นตายในการเปิดเผยเอกสารทั้งหมดคือวันศุกร์ (19 ธ.ค.) ซึ่งในวันนั้นกระทรวงยุติธรรมได้โพสต์เอกสารชุดใหญ่จำนวนมหาศาล ตามมาด้วยการเปิดเผยข้อมูลอีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันเสาร์ และการเปิดเผยชุดสำคัญอีกครั้งในวันอังคาร ซึ่งปรากฏการอ้างถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในหลายจุดที่น่าสนใจ

...

ความล่าช้าทำให้กลุ่มสมาชิกรัฐสภาจากทั้งสองพรรค รวมถึงกลุ่มผู้รอดชีวิตจากการล่วงละเมิดของเอปสตีนที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลทรัมป์ บางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับการปิดบังข้อความที่ดูเข้มงวดเกินไปและไร้ทิศทาง ซึ่งเหมือนเป็นการช่วยปกป้องคนใกล้ชิดของเอปสตีนจากการถูกตรวจสอบ

แต่ก็มีบางส่วนที่ออกมาแสดงความไม่พอใจเนื่องจาก มีการปิดบังข้อมูลน้อยเกินไป จนส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อถูกเปิดเผยออกมา


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cnn