สหราชอาณาจักรออกมาตรการเข้มงวดครั้งใหม่คุมเข้มวีซ่านักเรียน หลังพบว่ามีการใช้วีซ่าการศึกษาเป็นช่องยื่นขอลี้ภัย คาดส่งผลกระทบนักเรียนต่างชาติโดยเฉพาะจากเอเชียใต้

ภายใต้นโยบายใหม่ของกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ (Home Office) ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรจะต้องรับผิดชอบต่อการคัดกรองคุณสมบัติของผู้สมัครมากขึ้น โดยกำหนดว่า สถาบันการศึกษาต้องทำให้อัตราการปฏิเสธวีซ่านักเรียน ไม่เกิน 5% และหากเกินเกณฑ์ อาจถูกลงโทษถึงขั้นถูกห้ามรับนักศึกษาต่างชาติ

โดยข้อมูลระบุว่า อัตราการปฏิเสธวีซ่านักเรียนจาก ปากีสถานสูงถึง 18% และบังกลาเทศ 22% สูงกว่ากรอบที่รัฐบาลตั้งไว้หลายเท่า ทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งเลือกใช้มาตรการคัดกรองเข้มเป็นพิเศษ หรือถึงขั้นระงับรับสมัครจากประเทศเหล่านี้ชั่วคราว

ลอนดอน เมโทรโพลิแทน ยูนิเวอร์ซิตี เป็นหนึ่งในสถาบันที่ยืนยันว่า ได้ระงับรับใบสมัครจากบังกลาเทศ หลังพบอัตราการถูกปฏิเสธวีซ่าพุ่งสูง โดยผู้บริหารมหาวิทยาลัยระบุว่า ทางการอังกฤษมองบางภูมิภาคว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงสูง

ทางการอังกฤษเปิดเผยว่า ในปี 2024 มีผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยวีซ่านักเรียนราว 16,000 คน ก่อนยื่นขอลี้ภัยในภายหลัง และกว่า 80% ของผู้ขอลี้ภัยจากปากีสถานและบังกลาเทศ เดินทางเข้าอังกฤษด้วยวีซ่าถูกต้องตั้งแต่แรก

โฆษกกระทรวงมหาดไทยอังกฤษระบุว่า รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับนักศึกษาต่างชาติ แต่จำเป็นต้องเข้มงวดมากขึ้น เพราะต้องมั่นใจว่าผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อเป็นนักเรียนจริง และสถาบันการศึกษาต้องรับผิดชอบต่อบทบาทของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและกลุ่มนักศึกษาต่างชาติเตือนว่า มาตรการแบบเหวี่ยงแหอาจทำให้ นักเรียนที่มีเจตนาเรียนจริงถูกกันออกจากระบบ โดยไม่จำเป็น

...

ขณะเดียวกัน การที่อังกฤษ สหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย เข้มงวดนโยบายตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น กำลังผลักดันให้นักเรียนจากเอเชียใต้หันไปเลือกเรียนต่อในประเทศเอเชียมากขึ้น เช่น มาเลเซีย ซึ่งมีค่าเล่าเรียนต่ำกว่า ขั้นตอนวีซ่าง่าย และไม่ต้องใช้เอกสารการเงินซับซ้อน

ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า หากประเทศต้นทางไม่สามารถควบคุมการใช้วีซ่าผิดวัตถุประสงค์ได้ ภาพลักษณ์ของนักเรียนทั้งประเทศอาจได้รับผลกระทบในระยะยาว.


ที่มา : channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ อังกฤษ