รัสเซียยกระดับการโจมตีทางอากาศต่อภูมิภาคโอเดสซา ทางตอนใต้ของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อท่าเรือสำคัญ ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งของยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุว่าการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้คือความพยายามของรัสเซียที่จะปิดกั้นยูเครนจากการเข้าถึงเส้นทางขนส่งทางทะเล โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน เคยขู่ว่าจะตัดทางออกทะเลของยูเครน เพื่อตอบโต้กรณีที่โดรนยูเครนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันใน "กองเรือเงา" ของรัสเซียที่ใช้หลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรในทะเลดำ

การโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันจันทร์ (22 ธ.ค.) ทำให้โครงสร้างพื้นฐานท่าเรือและเรือพลเรือนได้รับความเสียหาย ส่วนเมื่อคืนวันอาทิตย์ ประชาชนกว่า 120,000 คน ไม่มีไฟฟ้าใช้ และเกิดเหตุไฟไหม้ท่าเรือใหญ่ ทำลายตู้คอนเทนเนอร์บรรจุแป้งและน้ำมันพืชจำนวนมหาศาล และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ศพ และบาดเจ็บกว่า 30 รายจากการโจมตีท่าเรือปิฟเดนนี  รวมถึงเหตุสลดที่ขีปนาวุธสังหารหญิงรายหนึ่งขณะเดินทางในรถพร้อมลูกอีก 3 คน

โอเดสซาถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของยูเครน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งออกข้าวสาลีและข้าวโพดไปทั่วโลก หลังจากที่ท่าเรือในภูมิภาคซาปอริซเซีย เคอร์ซอน และมิโคลาอิฟ ถูกรัสเซียยึดครองไปก่อนหน้านี้ โดยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 โอเดซาเป็นจุดเริ่มต้นของระเบียงขนส่งธัญพืชที่เลียบชายฝั่งโรมาเนียและบัลแกเรียไปยังตุรกี

แม้จะมีการเจรจาทางการทูตที่นำโดยสหรัฐฯ ที่เมืองไมอามี เมื่อเร็วๆ นี้ แต่นายยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของรัสเซีย ระบุว่าร่างแผนสันติภาพที่ยูเครนและยุโรปเสนอแก้ไขนั้น "ไม่ได้ช่วยให้โอกาสของสันติภาพดีขึ้น"

...

ขณะที่นายเซอร์เกย์ เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวโทษประเทศในยุโรปว่าพยายามขัดขวางข้อตกลงระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่ารัสเซียไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีสหภาพยุโรปหรือนาโต และยินดีจะลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อยืนยันเรื่องนี้.


ที่มา BBC