มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนออกแถลงการณ์ สรุปผลประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ว่าด้วยสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทย ย้ำบทบาทอาเซียนในการไกล่เกลี่ยอย่างสันติ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบ ฟื้นความเชื่อมั่น และกลับสู่โต๊ะเจรจา พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันความรุนแรงลุกลามในภูมิภาค
มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนได้ออกแถลงการณ์ของประธานอาเซียน ซึ่งเป็นผลสรุปของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ว่าด้วยสถานการณ์ระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยในปัจจุบัน ดังนี้:
1. รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศสมาชิกอาเซียนได้จัดการประชุมพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันระหว่างกัมพูชาและไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ตามมติของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กัมพูชา และไทย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568
2. มาเลเซียได้รายงานต่อที่ประชุมเกี่ยวกับความพยายามของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน ในการสนับสนุนให้ทั้งกัมพูชาและไทยยุติการสู้รบ ที่ประชุมยังได้รับฟังรายงานจากคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ตามอำนาจหน้าที่ของ AOT ด้วย โดยกัมพูชาและไทยได้ชี้แจงจุดยืนของตนเอง
3. ที่ประชุมชื่นชมบทบาทเชิงรุกและการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม และประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนเข้าร่วมอย่างแข็งขัน ในการส่งเสริมการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างสันติ ที่ประชุมรู้สึกยินดีกับความเต็มใจและความพร้อมของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนจ และนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล ในการสานต่อความร่วมมือกับประธานอาเซียนเพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความเข้าใจผิดใดๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้น
...
4. ที่ประชุมได้ยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นในความเป็นเอกภาพและความสามัคคีของอาเซียน ตลอดจนบทบาทสำคัญของอาเซียนในการสร้างสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ตามที่ระบุไว้ในกฎบัตรอาเซียน
5. ที่ประชุมได้ย้อนถึงข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม มติของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ตลอดจนปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์ที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 และเรียกร้องให้ทั้งกัมพูชาและไทยดำเนินการตามข้อตกลงเหล่านั้นอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ
6. ที่ประชุมแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความตึงเครียดและการสู้รบที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนได้รับความเสียหาย และพลเรือนต้องพลัดถิ่นทั้งสองฝั่งของพรมแดน และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายรับประกันว่าพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบจะสามารถกลับไปยังบ้านเรือนและประกอบอาชีพตามปกติได้โดยปราศจากอุปสรรค อย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี เช่นเดียวกับก่อนเกิดการสู้รบ
7. ที่ประชุมได้ยืนยันอีกครั้งถึงพันธสัญญาที่ร่วมกันจะงดเว้นจากการข่มขู่หรือใช้กำลัง การระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี และการเคารพพรมแดนระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกลักษณ์ของชาติ ตามกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญามิตรภาพเเละความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC)
8. ที่ประชุมเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างสูงสุดและดำเนินการทันทีเพื่อยุติการสู้รบทุกรูปแบบ ที่ประชุมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศฟื้นฟูความไว้วางใจและความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน และกลับสู่การเจรจา รวมถึงผ่านกลไกทวิภาคี ตลอดจนการใช้บทบาทของประธานอาเซียน ฟื้นฟูความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และดำเนินการลดความตึงเครียดทางทหารตามแนวชายแดนร่วมกันภายใต้การสังเกตการณ์ของสมัชชาอาเซียน และยึดมั่นในหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศ การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือพหุภาคีในการแสวงหาทางออกที่สันติและยั่งยืนต่อสถานการณ์
9. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีกับการหารือเกี่ยวกับการกลับมาเจรจาหยุดยิงและการยุติการสู้รบ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรบรอดเวย์ (GBC) จะประชุมในวันที่ 24 ธันวาคม 2025 เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการและการตรวจสอบการหยุดยิง รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนแสดงความหวังว่าการสู้รบจะลดระดับลงโดยเร็วที่สุด
10. รัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนให้คำมั่นว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด