ศาลสูงกัวลาลัมเปอร์มีคำสั่งยกคำร้องของอดีตนายกรัฐมนตรี "นาจิบ ราซัค" ที่ขอเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักตัวในบ้านพัก โดยศาลระบุชัดแม้พระบรมราชโองการจะมีอยู่จริง แต่กระบวนการออกคำสั่งไม่ผ่านการหารือกับคณะกรรมการอภัยโทษ ถือว่าไม่มีผลบังคับใช้ตามรัฐธรรมนูญ
ศาลสูงมาเลเซียได้มีคำวินิจฉัยปฏิเสธคำร้องของ นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 71 ปี ที่พยายามขอใช้สิทธิ์รับโทษจำคุกส่วนที่เหลือด้วยการกักตัวภายในบ้านพักแทนการอยู่ในเรือนจำ โดยศาลระบุว่าเอกสารคำสั่งเพิ่มเติมที่อ้างถึงนั้นไม่มีผลทางกฎหมาย
นาจิบ ราซัค ซึ่งถูกจำคุกมาตั้งแต่ปี 2022 จากคดีทุจริตกองทุน 1MDB เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจำคุกจาก 12 ปี เหลือ 6 ปีไปเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ตาม เขาพยายามต่อสู้คดีโดยอ้างว่า อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระบรมราชโองการลับแนบท้ายที่อนุญาตให้เขาเปลี่ยนไปรับโทษกักตัวในบ้านพักได้ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลและคณะกรรมการอภัยโทษปฏิเสธการรับรู้มาโดยตลอด จนกระทั่งทนายแผ่นดินได้ออกมายืนยันว่ามีเอกสารดังกล่าวอยู่จริงในปีนี้
ศาลชี้อำนาจกษัตริย์มีขอบเขตตามรัฐธรรมนูญผู้พิพากษา อลิซ โลค ระบุในคำวินิจฉัยว่า แม้การมีอยู่ของเอกสารดังกล่าวจะไม่ใช่ข้อโต้แย้ง แต่คำสั่งนั้นไม่สามารถบังคับใช้ได้ เนื่องจากไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาหรือปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการอภัยโทษ ตามที่รัฐธรรมนูญมาเลเซียกำหนดไว้
"แม้กษัตริย์จะมีอำนาจใช้ดุลพินิจในการอภัยโทษ แต่อำนาจนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด เมื่อคำสั่งเพิ่มเติมนี้ไม่ได้ถูกพิจารณาหรือตัดสินในที่ประชุมคณะกรรมการอภัยโทษ จึงถือว่าคำสั่งนี้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย" ผู้พิพากษากล่าว
คำตัดสินของศาลในครั้งนี้มีขึ้นเพียง 4 วันก่อนที่จะถึงกำหนดวันตัดสินคดีครั้งสำคัญที่สุดของนาจิบ ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1Malaysia Development Berhad (1MDB) โดยเฉพาะ โดยเขากำลังเผชิญหน้ากับข้อหาคอร์รัปชัน 4 กระทง และฟอกเงินอีก 21 กระทง เกี่ยวข้องกับการโอนเงินผิดกฎหมายมูลค่ากว่า 2,200 ล้านริงกิต (ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท)
...
ทั้งนี้ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีใหม่นี้ นาจิบอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปีในแต่ละกระทงความผิด รวมถึงโทษปรับอีก 5 เท่าของมูลค่าความเสียหาย ขณะที่เจ้าตัวยังคงยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่เกิดขึ้นในกองทุนดังกล่าวซึ่งมีมูลค่าความเสียหายรวมทั่วโลกกว่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.
ที่มา Reuters