ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศประกาศจัดไต่สวนสาธารณะคดีเมียนมาถูกกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา ช่วง 12–29 ม.ค. 2569 หลังแกมเบียยื่นฟ้องละเมิดอนุสัญญาสหประชาชาติ
วันที่ 21 ธันวาคม 2568 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) ในกรุงเฮก ของ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นศาลสูงสุดขององค์การสหประชาชาติ ประกาศว่าจะจัดการไต่สวนสาธารณะรอบใหม่ในคดีที่กล่าวหาเมียนมาว่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา ในช่วงระหว่างวันที่ 12–29 ม.ค. 2569
โดยคดีนี้ถูกยื่นฟ้องโดยประเทศแกมเบีย ตั้งแต่ปี 2562 โดยกล่าวหาว่าทางการเมียนมาได้ละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของสหประชาชาติ ปี 2491 จากปฏิบัติการกวาดล้างอย่างรุนแรงของกองทัพเมียนมาและกองกำลังติดอาวุธชาวพุทธ ต่อชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ เมื่อปี 2560
ก่อนหน้านี้ ศาลโลกมีคำสั่งชั่วคราวในปี 2563 ให้เมียนมา ดำเนินมาตรการทุกวิถีทางภายในอำนาจของตน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้นอีก
แถลงการณ์ของศาลโลก ระบุว่า จะพิจารณาเนื้อหาสาระของคดี รวมถึงการรับฟังพยานและผู้เชี่ยวชาญที่คู่ความทั้งสองฝ่ายเรียกมาให้การ ขณะที่การไต่สวนพยานบางส่วนจะดำเนินการเป็นการลับ หลังจากแกมเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามในแอฟริกาตะวันตก ได้ร้องขอให้ศาลวินิจฉัยว่า เมียนมาละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมเรียกร้องให้มีการชดใช้เยียวยาแก่เหยื่อ และรับประกันว่าจะไม่เกิดโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต
แม้คำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมีผลผูกพันตามกฎหมายและไม่สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ศาลไม่มีอำนาจโดยตรงในการบังคับใช้คำพิพากษา ทำให้การปฏิบัติตามคำตัดสินยังคงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประเทศคู่กรณีและประชาคมระหว่างประเทศ
...
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า ปัจจุบันมีชาวโรฮิงญามากกว่า 1 ล้านคน อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยชั่วคราวในประเทศบังกลาเทศ หลังหลบหนีความรุนแรงจากการปราบปรามในเมียนมาเมื่อปี 2560.
ที่มา Irrawaddy