ทรัมป์ เดินหน้าขยายมาตรการห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างเข้มข้น ล่าสุดสั่ง แบนพลเมืองจากอีก 7 ประเทศ รวมถึงปาเลสไตน์ รวมประเทศที่ถูกจำกัดการเดินทางพุ่งขึ้นเกือบ 40 ประเทศ ลาวโดนด้วยแต่ไทยยังรอด

ประเทศที่ถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ แบบเต็มรูปแบบรอบใหม่นี้ ประกอบด้วย ลาว, ซีเรีย, บูร์กินาฟาโซ, มาลี, ไนเจอร์, เซียร์ราลีโอน และซูดานใต้ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกแบน

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อป้องกันชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อชาวอเมริกัน รวมถึงผู้ที่อาจบ่อนทำลายหรือทำให้วัฒนธรรม รัฐบาล สถาบัน และหลักการก่อตั้งประเทศของสหรัฐฯ ไม่มั่นคง

การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนจุดยืนแข็งกร้าวด้านผู้อพยพของทรัมป์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่เขาใช้หาเสียงมาโดยตลอด และเกิดขึ้นท่ามกลางการเร่ง กวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายและผลักดันการเนรเทศครั้งใหญ่

การแบนชาวซีเรียมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากทหารสหรัฐฯ 2 นายและพลเรือน 1 คนเสียชีวิตในซีเรีย โดยทางการซีเรียระบุว่าผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่กำลังจะถูกปลดออกเนื่องจากแนวคิดสุดโต่งทางศาสนา

ขณะที่ผู้ถือพาสปอร์ตขององค์การปาเลสไตน์ ถูกจำกัดการเดินทางเข้าสหรัฐฯ มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้อย่างไม่เป็นทางการ และครั้งนี้ถูกยกระดับเป็น คำสั่งชัดเจน ท่ามกลางท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ที่ยืนอยู่ข้างอิสราเอล และต่อต้านการรับรองรัฐปาเลสไตน์ของชาติตะวันตกหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศสและอังกฤษ

จะสังเกตได้ว่า ประเทศที่ถูกแบนรอบใหม่จำนวนมากเป็นประเทศยากจนในแอฟริกา ทั้งในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลาง ขณะที่สหรัฐฯ ยังออกมาตรการ จำกัดการเดินทางบางส่วน กับประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ไนจีเรีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกา, ไอวอรีโคสต์ และเซเนกัล รวมถึง แคนาดาและเม็กซิโก

...

ประเทศอื่นที่ถูกจำกัดการเดินทางบางส่วนยังรวมถึงหลายประเทศในแอฟริกาและแคริบเบียน เช่นแองโกลา, แอนติกาและบาร์บูดา, เบนิน, โดมินิกา, กาบอง, แกมเบีย, มาลาวี, มอริเตเนีย, แทนซาเนีย, แซมเบีย และซิมบับเวรวมถึงประเทศหมู่เกาะอย่าง ตองกา

น่าสนใจว่า แองโกลา เซเนกัล และแซมเบีย ล้วนเคยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในแอฟริกา และอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยยกย่องประเทศเหล่านี้ว่าเป็นตัวอย่างของประชาธิปไตยในภูมิภาค

การขยายคำสั่งแบนครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลทรัมป์ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า เลือกปฏิบัติต่อประเทศยากจนและประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่คนผิวขาว และสะท้อนท่าทีต่อต้านผู้อพยพที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ทำเนียบขาวจะยืนยันว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ แต่หลายฝ่ายเตือนว่า มาตรการนี้อาจยิ่งทำให้สหรัฐฯ ถูกโดดเดี่ยวบนเวทีโลก และสร้างแรงกดดันทางการทูตในระยะยาวได้.


ที่มา :channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ทรัมป์