งานวิจัยใหม่สร้างความกังวลให้กับนักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เมื่อพบว่าธารน้ำแข็งหายไปในแต่ละปี อาจเพิ่มเป็น 2,000–4,000 แห่ง ภายในกลางศตวรรษนี้ หากอุณหภูมิโลกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Climate Change ระบุชัดว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กำลังเร่งให้ธารน้ำแข็งละลายในอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยนักวิจัยอธิบายว่า หากโลกสามารถจำกัดภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามเป้าหมายความตกลงปารีส จะยังรักษาธารน้ำแข็งได้ราว 50% ของจำนวนทั้งหมดในปัจจุบัน
แต่ในสถานการณ์เลวร้าย หากโลกร้อนขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียส ธารน้ำแข็งเกือบทั้งหมดจะหายไป เหลือเพียงราว 18,000 แห่งทั่วโลก
โดยตัวเลขจากการศึกษาพบว่าโลกสูญเสียน้ำแข็งจากธารน้ำแข็งบนภูเขามากกว่า 7 ล้านล้านตัน ตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่ในปี 2023 ปีเดียว มีการสูญเสียธารน้ำแข็งกว่า 600,000 ล้านตัน โดยธารน้ำแข็งละลายเร็วที่สุดในอลาสกา และยุโรปตอนกลาง เช่น เทือกเขาแอลป์ ขณะที่มวลน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งขั้วโลก ลดลงมากกว่ายุคปี 1990 ถึง 4 เท่า
...
โดยนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การหายไปของธารน้ำแข็งจะกระทบต่อแหล่งน้ำจืดของประชากรหลายร้อยล้านคน และทำให้ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่ความเสี่ยงน้ำท่วมพื้นที่ชายฝั่ง และอาจต้องอพยพประชากรครั้งใหญ่ในอนาคต
ขณะเดียวกันธารน้ำแข็งยังทำหน้าที่เป็นแคปซูลเวลาทางสภาพภูมิอากาศ ที่เก็บข้อมูลโลกย้อนหลังหลายพันปี ตั้งแต่ปริมาณฝน การปะทุของภูเขาไฟ ไปจนถึงยุคอุตสาหกรรม ซึ่งหากธารน้ำแข็งละลายจนปนเปื้อน ข้อมูลเหล่านี้อาจสูญหายไปตลอดกาล ดังนั้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน คือกุญแจสำคัญในการชะลอการสูญเสียธารน้ำแข็ง และรักษาสมดุลของโลกใบนี้ไว้ให้คนรุ่นต่อไป.
ที่มา : AP
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ธารน้ำแข็ง