ออสเตรเลียเตรียมเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมอาวุธปืนมากขึ้น หลังเกิดเหตุกราดยิงที่หาดบอนได จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ศพ บาดเจ็บอีกหลายสิบราย
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 2568 เหล่าผู้นำของออสเตรเลียเห็นชอบร่วมกันที่จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมอาวุธปืน หลังเกิดเหตุกราดยิงงานเทศกาลชาวยิวที่หาดบอนได ในนครซิดนีย์ เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 15 ศพ บาดเจ็บอีก 42 ราย
นี่นับเป็นเหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 30 ปีของออสเตรเลีย โดยผู้เสียชีวิตรวมถึง เด็กหญิงวัยเพียง 10 ขวบ, ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีเยอรมัน และแรบไบ (ผู้นำทางศาสนาของชาวยิว)
ในวันจันทร์ นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี แห่งออสเตรเลีย จัดการประชุมร่วมกับผู้นำรัฐและดินแดนต่างๆ ของประเทศ เพื่อตอบสนองต่อเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น และเห็นชอบร่วมกันที่จะเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายควบคุมอาวุธปืนทั่วประเทศ
สำนักงานนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า เหล่าผู้นำตกลงกันว่าจะหาทางพัฒนาวิธีการตรวจสอบประวัติของผู้ครอบครองอาวุธปืน และห้ามผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองของประเทศขอใบอนุญาตมีอาวุธปืน และจำกัดประเภทของอาวุธปืนที่สามารถครอบครองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เหตุกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดของออสเตรเลียเกิดขึ้นเมื่อปี 2539 ที่เมืองพอร์ตอาเธอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม โดยมือปืนเพียงคนเดียวยิงสังหารผู้บริสุทธิ์ถึง 35 ศพ และเหตุสังหารหมู่ครั้งนี้ก็นำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายอาวุธปืนครั้งใหญ่ ซึ่งได้รับการยกย่องมานานว่าเป็น “มาตรฐานระดับโลก”
มาตรการดังกล่าวรวมถึงโครงการรับซื้ออาวุธปืนคืน, การจัดทำทะเบียนอาวุธปืนแห่งชาติ และการปราบปรามการครอบครองอาวุธกึ่งอัตโนมัติ
...
แต่เหตุกราดยิงครั้งล่าสุดนี้ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า ชายวัย 50 ปี กับ 24 ปีซึ่งเป็นพ่อลูกกัน และอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ISIS) ได้อาวุธปืนมาได้อย่างไร
อนึ่ง มือปืนผู้พ่อวัย 50 ปี ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ ส่วนมือปืนคนลูกได้รับบาดเจ็บอาการอยู่ในขั้นวิกฤต และกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna