กัมพูชากล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาระหว่างประเทศ อ้างใช้อาวุธทั้งหนักเบารวมถึง “แก๊สพิษโจมตี” โดยที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ และชี้ว่าไทยต้องการผนวกดินแดนกัมพูชา
เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. 2568 กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาออกแถลงการณ์ฉบับใหม่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก กล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชากับไทย และเปิดฉากโจมตีหลังจากยั่วยุมาหลายวัน โดยใช้อาวุธหลายชนิดทั้งหนักเบา รวมถึง “แก๊สพิษ” ในการโจมตี โดยที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบโต้กลับเลย พร้อมชี้ว่า ไทยมีเจตนาต้องการผนวกรวมดินแดนของกัมพูชา
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า “พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม ขอเรียนแจ้งให้สาธารณชนทั่วไป ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังนี้:”
“ฝ่ายไทยได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ซึ่งลงนามโดยทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ด้วยการใช้กำลังทหารรุกรานต่ออธิปไตยเหนือดินแดนของกัมพูชา กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำอันโหดร้าย ป่าเถื่อน และเป็นการทำสงครามของราชอาณาจักรไทยต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา”
แถลงการณ์อ้างอีกว่า หลังจากที่กองทัพไทยได้ดำเนินการยั่วยุหลายครั้งเป็นเวลาหลายวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการเผชิญหน้า ในวันที่ 7 ธ.ค. 2568 เวลาประมาณ 14:15 น. กองทัพไทยเริ่มเปิดฉากยิงใส่กองกำลังกัมพูชาในพื้นที่ ปรอเลียน ธมอร์ (Prorlean Thmar) จังหวัดพระวิหาร และโจมตีต่อเนื่องในวันที่ 8 ธ.ค. เวลา 05:04 น. จนถึง 18:00 น. ในพื้นที่อันเสะ และพื้นที่อื่น ๆ ในเขตกองทัพภาคที่ 4 ก่อนจะขยายขอบเขตการโจมตีไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของกองทัพภาคที่ 5 ในจังหวัดบันเตียเมียนเจย
...
“ในระหว่างการโจมตีในเขตกองทัพภาคที่ 4 กองกำลังทหารไทยได้ใช้อาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างหลายชนิด เช่น อาวุธเบา, ปืนกล, ปืนครก MT-60 มม., รถถัง, ปืนใหญ่หนัก 155 มม., ปืนกลหนัก 12.7 มม., เครื่องบินรบ F-16, เครื่องบิน AT-6, โดรนที่ใช้สำหรับการทิ้งระเบิด ตลอดจนการยิงแก๊สพิษใส่กองกำลังกัมพูชา ที่ยืนหยัดอย่างแน่วแน่เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของเราในกองทัพภาคดังกล่าว”
กัมพูชาอ้างด้วยว่า “แม้จะถูกโจมตีอย่างหนักจากกองกำลังทหารไทยตั้งแต่ 7 ธ.ค. ถึง 8 ธ.ค. กองทัพกัมพูชาก็ไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด และใช้ความอดทนอย่างสูงสุดอย่างแน่วแน่”
“การรุกรานด้วยอาวุธโดยเจตนาของไทยต่อกัมพูชารอบที่ 2 นี้ ยืนยันอย่างชัดเจนถึงเจตนาของฝ่ายไทยที่ต้องการผนวกดินแดนประเทศเพื่อนบ้านโดยอ้างแผนที่ที่วาดขึ้นเองฝ่ายเดียวอย่างผิดกฎหมาย และการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวชายแดน ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ การกระทำของไทยเช่นนี้ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและทั่วโลก”
“กัมพูชาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการละเมิดปฏิญญาร่วมและการกระทำที่ผิดกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของไทยอย่างหนัก ตลอดจนเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างอุกอาจดังกล่าว”
“กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยหยุดความเคลื่อนไหวที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งหมดทันที และถอนกำลังทหารออกจากบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา และหลีกเลี่ยงการกระทำรุกรานที่คุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ขณะเดียวกัน เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง, ปฏิญญาร่วม ตลอดจนพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศด้วยความจริงใจ, สุจริต และเจตนาดี”
ในตอนท้ายของแถลงการณ์ กระทรวงกลาโหมกัมพูชาย้ำว่า กัมพูชาเคารพและดำเนินการตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง ปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ตลอดจนข้อตกลงทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายบรรลุผลก่อนหน้านี้ และยึดมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติแทนที่จะหันไปใช้การรุกรานหรือการใช้กำลัง เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขที่เป็นธรรม, ยุติธรรม, ยั่งยืน และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : facebook