ประธานาธิบดียูเครนส่งสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาแผนการสันติภาพของสหรัฐฯ และยืนยันว่า ยูเครนมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ต่อไป

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค. 2568 นายโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า เขามีการสนทนาทางโทรศัพท์อย่างสร้างสรรค์มากกับนายสตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านสันติภาพของโดนัลด์ ทรัมป์ และนายจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเรื่องแผนการสันติภาพ

เซเลนสกีระบุว่า พวกเขาได้หารือกันถึงวิธีที่จะรับประกันว่ารัสเซียจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นเพื่อยุติสงครามกับยูเครน และเขามี “ความมุ่งมั่น” ที่จะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ต่อไป

เจ้าหน้าที่ทีมเจรจาของยูเครนได้เข้าร่วมการสนทนาทางโทรศัพท์ดังกล่าวด้วย โดยเข้าร่วมจากเมืองไมอามีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขากำลังดำเนินการเจรจาเรื่องการทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย ซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นผู้ผลักดันเป็นวันที่ 3 แล้ว แต่รัสเซียยังไม่มีท่าทีประนีประนอมใดๆ และยังคงทิ้งระเบิดในยูเครนต่อไป

“ยูเครนมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายอเมริกันด้วยความจริงใจเพื่อบรรลุสันติภาพอย่างแท้จริง” เซเลนสกีระบุผ่าน X “เราคุยกันครอบคลุมหลายแง่มุม และทบทวนประเด็นสำคัญที่สามารถรับประกันการยุติการนองเลือดและกำจัดภัยคุกคามจากการรุกรานเต็มรูปแบบครั้งใหม่ของรัสเซียได้”

ด้านนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า เขาได้พูดคุยกับนายเซเลนสกีแล้ว และขอมอบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้ยูเครนอย่างเต็มที่ “ฝรั่งเศสมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งหมดเพื่อออกมาตรการลดความรุนแรงและบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง”

ก่อนหน้านี้ นายมาครงยืนยันว่า เขาจะเข้าร่วมการเจรจาในลอนดอนในวันจันทร์กับนายเซเลนสกี, เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และนายฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยจะหารือกันเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ของยูเครนกับสหรัฐฯ ที่กำลังดำเนินอยู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อหาข้อตกลงรับประกันความมั่นคงหลังสงครามให้ยูเครน

...

2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ผู้นำทั้ง 4 คนหารือกันเรื่องการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของยุโรปไปประจำการในยูเครนหลังจากมีการหยุดยิง ซึ่งเซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ กล่าวว่า กองกำลังรักษาสันติภาพจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในการรับประกันความมั่นคงของยูเครน

แต่วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ต่อต้านแนวคิดเรื่องกองกำลังรักษาสันติภาพดังกล่าว โดยระบุว่า กองกำลังใดๆ ก็ตามที่ถูกส่งไปยูเครนจะกลายเป็น “เป้าหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย” ของรัสเซีย


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc