ศรีลังกาและอินโดนีเซียส่งกำลังทหารลงพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยรุนแรงที่คร่าชีวิตประชาชนภายหลังสภาพอากาศแปรปรวนก่อให้เกิดฝนหนักต่อเนื่องถล่มศรีลังกาทั้งเกาะ รวมถึงหลายพื้นที่ของเกาะสุมาตรา ภาคใต้ของไทย และภาคเหนือของมาเลเซีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมเกือบ 1,000 ศพ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในอินโดนีเซีย ยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยและดินถล่มยังคงสูงถึงอย่างน้อย 442 ราย และมีผู้สูญหายอีกหลายร้อยคน ซึ่งนับเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ในสุลาเวสีเมื่อปี 2018 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 ราย
ประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ได้เดินทางถึงจังหวัดสุมาตราเหนือวันนี้ (1 ธ.ค.) โดยกล่าวว่า "ตอนนี้สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นไปให้ได้ทันที" พร้อมเสริมว่า รัฐบาลกำลังใช้เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินเพื่อเข้าถึง "หมู่บ้านที่ถูกตัดขาดหลายแห่งที่หวังว่าเราจะเข้าถึงได้"
รัฐบาลอินโดนีเซียได้ส่งเรือรบ 3 ลำบรรทุกความช่วยเหลือ และเรือโรงพยาบาลอีก 2 ลำ ไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่งถนนหลายสายยังคงไม่สามารถสัญจรได้ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปราโบโวเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นให้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ และยังไม่ได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากต่างประเทศอย่างเปิดเผย
ขณะเดียวกัน ที่ศรีลังกา ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลน "ดิตวาห์" รัฐบาลได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากนานาชาติ และใช้เฮลิคอปเตอร์ทหารเข้าช่วยผู้ที่ติดค้างจากน้ำท่วมและดินถล่ม
สำนักงานภัยพิบัติของศรีลังการายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 334 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ระบุว่าเพิ่งจะสามารถประเมินความเสียหายอย่างเต็มที่ในพื้นที่ภาคกลางที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยเปิดเส้นทางที่ถูกต้นไม้โค่นล้มและโคลนถล่มปิดกั้น
...
ประธานาธิบดีอนุรา กุมาร ดิสสานายาเก ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับภัยพิบัติดังกล่าว และกล่าวต่อประเทศชาติว่า "เรากำลังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดและท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา" และให้คำมั่นว่าจะสร้างประเทศให้ดีขึ้นกว่าเดิม ความสูญเสียและความเสียหายในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุสึนามิในเอเชียเมื่อปี 2004
ส่วนในประเทศไทย เหตุน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 176 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์น้ำท่วมที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบทศวรรษ รัฐบาลได้ออกมาตรการบรรเทาทุกข์แล้ว แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการตอบสนองต่ออุทกภัย และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสองรายถูกสั่งพักงานเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าบกพร่องต่อหน้าที่
ด้านมาเลเซีย ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในรัฐปะลิสยังทำให้พื้นที่จำนวนมากถูกน้ำท่วม โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย ส่วนหนึ่งรุนแรงขึ้นจากพายุโซนร้อนที่หายากซึ่งก่อให้เกิดฝนตกหนักบนเกาะสุมาตรา นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเพิ่มความรุนแรงของพายุและทำให้เกิดฝนตกหนักบ่อยขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศที่อุ่นขึ้นสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น.
ที่มา AFP