คณะกรรมการพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก ได้ตัดสินใจให้ขึ้นราคาบัตรเข้าชม 45% สำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มาจากสหภาพยุโรป (อียู) และเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA)
ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม ปีหน้าเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวจากประเทศนอกเขต EEA เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และจีน จะต้องจ่ายค่าเข้าชมในราคา 32 ยูโร (ประมาณ 1,192 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 ยูโร จากราคาเดิม
การขึ้นราคาครั้งนี้คาดว่าจะสามารถระดมเงินได้หลายล้านยูโรในแต่ละปี เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการยกเครื่องครั้งใหญ่ของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงระบบความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐานที่ทรุดโทรม และการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ เช่น ห้องน้ำและร้านอาหาร ซึ่งคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านยูโร
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ระบบความปลอดภัยและการบริหารจัดการของพิพิธภัณฑ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นับตั้งแต่เกิดเหตุโจรกรรมอย่างอุกอาจเมื่อเดือนตุลาคม โดยแก๊งคนร้าย 4 คน ได้ขโมยเครื่องเพชรมูลค่า 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 3,281 ล้านบาท) และหลบหนีไปภายในไม่กี่นาที การตรวจสอบหลังเหตุการณ์โจรกรรมชี้ให้เห็นว่า พิพิธภัณฑ์ได้ใช้จ่ายไปกับการซื้อผลงานศิลปะใหม่ๆ มากเกินไป แต่ใช้จ่ายน้อยเกินไปในการบำรุงรักษาและบูรณะ
นอกจากนี้ การขึ้นราคาและโครงการปรับปรุงยังเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาความแออัดของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกร้องเรียนมานาน โดยลูฟวร์ต้อนรับผู้เข้าชมเกือบ 9 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ โดยเป็นชาวอเมริกันมากกว่า 10% และชาวจีนประมาณ 6%
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง และพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ได้ประกาศแผนการปรับปรุง และมีการเสนอแนะให้เพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองอียู ในปี 2026 นอกจากนี้ มาครงยังระบุด้วยว่า ภาพเขียน โมนา ลิซ่า จะถูกย้ายไปจัดแสดงในพื้นที่ใหม่เพื่อลดความแออัด เนื่องจากผู้เข้าชมราว 30,000 คนต่อวันส่วนใหญ่มุ่งหน้ามาชมผลงานชิ้นเอกของเลโอนาร์โด ดา วินชี ชิ้นนี้.
...
ที่มา BBC