วลาดิเมียร์ ปูติน ยืนยัน รัสเซียจะยอมวางอาวุธก็ต่อเมื่อ ยูเครนถอนทหารออกจากดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครอง และหากยูเครนไม่ทำ มอสโกจะใช้กำลังทำให้มันเกิดขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. 2568 วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาย้ำข้อเรียกร้องหลักของเขาในการยุติสงครามยูเครน ก่อนประชุมกับสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่ารัสเซียจะวางอาวุธก็ต่อเมื่อ กองทัพเคียฟถอนกำลังออกจากดินแดนที่มอสโกอ้างความเป็นเจ้าของเท่านั้น
ปูตินพูดเรื่องดังกล่าวระหว่างการเดินทางไปเยือนคีร์กีซสถาน โดยเขากล่าวหายูเครนด้วยว่า ต้องการสู้รบจนกว่าจะเหลือชาวยูเครนคนสุดท้าย ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว รัสเซียก็พร้อมจะทำอย่างเดียวกัน
เขาย้ำมุมมองของตนว่ารัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามรบ และการสู้รบจะยุติลงก็ต่อเมื่อกองทัพยูเครนถอนกำลังออกจากดินแดนที่พวกเขาอ้างความเป็นเจ้าของ ซึ่งกำลังมีการสู้รบเท่านั้น “ถ้าพวกเขาไม่ถอนกำลัง เราจะทำให้สำเร็จด้วยกำลังอาวุธ”
อย่างไรก็ตาม การรุกคืบที่เชื่องช้าของรัสเซียในยูเครนตะวันออกต้องแลกมาด้วยการสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก โดยข้อมูลของสถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (Institute for the Study of War) ในสหรัฐฯ ระบุว่า ด้วยอัตราความก้าวหน้าเช่นนี้ มอสโกจะต้องใช้เวลาอีกเกือบสองปีในการยึดครองส่วนที่เหลือของแคว้นโดเนตสก์
อนึ่ง ปูตินพยายามผลักดันมาอย่างยาวนาน เพื่อให้มีการรับรองทางกฎหมายว่าดินแดนยูเครนที่รัสเซียใช้กำลังบุกยึดมา เป็นดินแดนของพวกเขา โดยดินแดนดังกล่าวรวมถึงแคว้นไครเมีย ที่รัสเซียควบรวมเมื่อปี 2557 และภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ที่ประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์กับแคว้นลูฮานสก์ ซึ่งปัจจุบันมอสโกยึดพื้นที่ส่วนใหญ่เอาไว้
ฝ่ายยูเครนปฏิเสธเรื่องการยอมเสียดินแดนเพื่อแลกกับการยุติสงครามมาตลอด โดยชี้ว่าจะเป็นการให้รางวัลรัสเซียสำหรับการรุกรานซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
...
ทั้งนี้ ยูเครนกับสหรัฐฯ กำลังหารืออย่างเข้มข้น เกี่ยวกับแผนการสันติภาพ 28 ข้อที่สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ท่ามกลางรายงานว่า แผนดังกล่าวถูกร่างโดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กับรัสเซีย
แผนการดังกล่าว มีความเอนเอียงไปทางข้อเรียกร้องของรัสเซียอย่างมาก ก่อนจะได้รับการแก้ไขหลังมีการเจรจาในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าแผนนี้ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นดินแดนที่ถูกยึดครอง ซึ่งเป็นจุดติดขัดที่สุดระหว่างมอสโกและเคียฟ ควบคู่ไปกับประเด็นการรับประกันความมั่นคงสำหรับยูเครน
ปูตินกล่าวว่า ขณะนี้ร่างแผนฉบับใหม่ได้ถูกนำเสนอต่อรัสเซียแล้ว และอาจกลายเป็น “พื้นฐาน” สำหรับข้อตกลงในอนาคตเพื่อยุติสงคราม แต่เขาย้ำด้วยว่า “จำเป็นอย่างยิ่ง” ที่จะต้องหารือเกี่ยวกับ “ประเด็นเฉพาะบางประการที่จำเป็นต้องนำมาเขียนเป็นภาษานักการทูต”
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่ไครเมียและดอนบาสจะได้รับการยอมรับว่าอยู่ภายใต้การควบคุมโดยพฤตินัยของรัสเซีย แต่ไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย ปูตินกล่าวว่า “นี่คือจุดที่เรากำลังหารือกับคู่เจรจาชาวอเมริกันของเรา”
ปูตินยืนยันด้วยว่า คณะผู้แทนสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงผู้แทนพิเศษ สตีฟ วิตคอฟฟ์จะเดินทางถึงมอสโกในช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์หน้า ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่า จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของเขาอาจจะร่วมเดินทางไปมอสโกกับวิตคอฟฟ์ด้วย
อย่างไรก็ดี ปูตินกล่าวโจมตีผู้นำยูเครนอีกครั้งและระบุว่า เขาไม่ถือว่าผู้นำเหล่านั้นมีความชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึง “ไม่มีประโยชน์” ที่จะลงนามในเอกสารใด ๆ กับพวกเขา
ทั้งนี้เนื่องจาก ยูเครนอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทำให้พวกเขาไม่ได้จัดการเลือกตั้งตามกำหนดการที่ควรจะเป็น และวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ก็หมดลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
แต่เมื่อต้นปี รัฐสภายูเครนได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันความชอบธรรมให้นายเซเลนสกีสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc