หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้แนะนำให้นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น หลีกเลี่ยงการยั่วยุจีน ในประเด็นอธิปไตยเหนือไต้หวัน หลังจากเกิดข้อพิพาททางการทูตระหว่างญี่ปุ่นกับจีน จากคำกล่าวของผู้นำญี่ปุ่นที่ว่าอาจเข้าแทรกแซงทางทหาร หากไต้หวันถูกโจมตี

วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานวันนี้ (27 พ.ย.) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ได้รับทราบข้อมูลการสนทนา ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้แนะนำ นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ แห่งญี่ปุ่น ไม่ให้กระตุ้นจีนในประเด็นอธิปไตยของไต้หวัน คำแนะนำดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดความตึงเครียดทางการทูตครั้งใหญ่ระหว่างญี่ปุ่นและจีน

ความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีชนวนมาจากคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิ ที่เคยเสนอว่า ญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงทางทหาร หากไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนที่จีนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของตนเองถูกโจมตี

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ และได้เน้นย้ำประเด็นที่มีความอ่อนไหวอยู่เสมอ โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า นายสีกล่าวว่า การคืนสู่มาตุภูมิของไต้หวันเป็น "ส่วนสำคัญของระเบียบโลกหลังสงคราม"

หลังจากการสนทนาระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ไม่นาน ทรัมป์ก็ได้โทรศัพท์ไปยังทาคาอิจิ และ "แนะนำเธอไม่ให้ยั่วยุจีนในประเด็นอธิปไตยของไต้หวัน

รายงานระบุว่า คำแนะนำจากทรัมป์นั้นเป็นไปอย่าง "นุ่มนวล" และเขาไม่ได้กดดันให้นายกรัฐมนตรีทาคาอิจิเพิกถอนคำพูดของเธอ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นหลายรายระบุว่า "ข้อความดังกล่าวทำให้เกิดความกังวล"

...

ตามรายงานของ WSJ ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ "ไม่ต้องการให้ความขัดแย้งเรื่องไต้หวันเป็นอันตรายต่อการผ่อนคลายความตึงเครียดที่บรรลุข้อตกลงกับนายสีเมื่อเดือนที่แล้ว" ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงคำมั่นของจีนที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ มากขึ้น หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า

จีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อคำกล่าวของทาคาอิจิ โดยได้เรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเข้าพบ และได้แนะนำพลเมืองของตนไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่น นอกจากนี้ สื่อของรัฐบาลจีนยังรายงานว่า มีการเลื่อนกำหนดการฉายภาพยนตร์ญี่ปุ่นอย่างน้อยสองเรื่องในประเทศจีนอีกด้วย.


ที่มา AFP