ครอบครัวชาวสิงคโปร์ยกย่องชายไทยเป็นฮีโร่ หลังช่วยเหลือพ่อวัย 74 ปีของพวกเขา ที่ขาดการติดต่อไปในเหตุน้ำท่วมที่หาดใหญ่ และให้พักอาศัยอยู่ด้วยกันไปก่อน
สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย (CNA) ของสิงคโปร์ รายงานว่า นายรอนนี โต๊ะ ชาวสิงคโปร์อายุ 74 ปี เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อขับรถท่องเที่ยวในวันหยุด แต่เขากลับต้องประสบเหตุน้ำท่วมรุนแรงในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยไม่คาดคิด ทำให้เขาพลัดหลงกับครอบครัวที่เดินทางมาด้วยกัน และขาดการติดต่อไป
วินเซนต์ ลูกชายของรอนนี บอกกับ CNA ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 24 พ.ย. รอนนีเดินทางออกจากโรงแรมที่เขาพักอยู่ ท่ามกลางน้ำท่วมระดับเข่า ไปยังศูนย์การค้าที่ตามปกติแล้วใช้เวลาเดินเพียง 7 นาที เพื่อตามหาสัญญาณโทรศัพท์ที่แรงขึ้น แต่แล้วฝนก็ตกลงมาหนักขึ้น
“เขาพบว่าสถานการณ์เริ่มแตกต่างออกไปเล็กน้อย และคนในพื้นที่ที่ศูนย์การค้าก็เริ่มตื่นตระหนกมากขึ้น” วินเซนต์ วัย 50 ปี กล่าว โดยเขาไม่ได้เดินทางไปท่องเที่ยววันหยุดร่วมกับพ่อ
เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงถึงเอว รอนนีก็สามารถติดต่อกับครอบครัวได้ทาง Facebook และถามว่าเขาควรกลับไปที่โรงแรมหรือไม่ แต่วินเซนต์เล่าว่า ครอบครัวบอกให้รอนนีอยู่ที่ศูนย์การค้าต่อไปก่อน เพราะมันอันตรายที่จะเดินกลับมา และพ่อของเขาก็บอกด้วยว่า น้ำดูไหลค่อนข้างเร็ว
แต่เนื่องจากกังวลเรื่องอาหาร, น้ำ และไม่มีคนที่คุ้นหน้าอยู่ด้วย รอนนีจึงตัดสินใจออกจากศูนย์การค้า แต่ระหว่างที่เขากำลังเดินกลับไปยังโรงแรม ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาต้องปีนขึ้นไปบนที่พักพิงของร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่ง
วินเซนต์กล่าวว่า ณ ตอนนั้น ระดับน้ำสูงเกินความสูงของคนหนึ่งคนไปแล้ว อาจจะสูงกว่าตึกหนึ่งชั้นด้วยซ้ำ
...
พอถึงเวลา 17:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันเดียวกันนั้น แบตเตอรี่โทรศัพท์ของบิดาเขาก็หมดลง และครอบครัวของเขาทั้งในหาดใหญ่และสิงคโปร์ก็ขาดการติดต่อกับรอนนี
วินเซนต์กล่าวว่า สถานการณ์ในตอนนั้นมันบ้าคลั่งมาก “ตอนนั้นเริ่มมืดแล้ว และเราไม่ได้รับการตอบกลับจากใครเลย เราไม่รู้ว่าพ่ออยู่ที่ไหน” เขาจึงขอให้ครอบครัวและเพื่อน ๆ ติดต่อตำรวจไทยเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่หลายชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน ครอบครัวของเขาที่สิงคโปร์ได้รับโทรศัพท์สั้น ๆ จากหมายเลขโทรศัพท์ของไทย เป็นบิดาของเขาที่โทรมาแจ้งว่าปลอดภัยดี
ต่อมา รอนนีก็เล่าให้ครอบครัวฟังว่า เขาได้รับการช่วยเหลือจากชายชาวไทยคนหนึ่งชื่อ วิริยะ ซึ่งได้ให้เขาพักอยู่กับครอบครัวในคืนนั้น
ทั้ง 2 คนเดินทางไปจนถึงบ้านของนายวิริยะซึ่งห่างจากร้านขายของที่ระลึกประมาณ 500 ม. ด้วยการจับเศษซากที่ลอยน้ำไว้ ซึ่งนายวิริยะคอยช่วยเหลือคุณรอนนีท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว
“ในฐานะครอบครัว พวกเขาต้อนรับพ่อของผมอย่างดี คอยดูแลให้แน่ใจว่าเขามีอาหารและเสื้อผ้าเปลี่ยน” วินเซนต์กล่าว “ผมคิดว่าเขาคือฮีโร่” “ตอนนั้นเริ่มมืดแล้ว พ่อหนาวมาก และถ้าไม่มีชายไทยคนนี้มาช่วย ผมคิดว่าพ่อของผมคงอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก”
อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับสิงคโปร์คงต้องรอไปก่อน รอนนีจองตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับสิงคโปร์ในวันอังคาร (25 พ.ย.) หลังพบว่ารถของพวกเขาในหาดใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พลาดเที่ยวบิน เนื่องจากไม่มีหนทางที่สามารถเดินทางไปยังสนามบินได้
ในช่วงเย็นวันอังคาร รอนนียังคงพักอยู่กับนายวิริยะ และกำลังหาวิธีกลับไปรวมกลุ่มกับผู้ที่เดินทางมาด้วยกันกับเขา
ทั้งนี้ รอนนีเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหลายพันคนที่ติดอยู่ตามโรงแรมต่างๆ และสนามบินในหาดใหญ่ โดยที่สถานการณ์ของพวกเขาจนถึงตอนนี้ยังคงไม่ดีขึ้น
ชารอน โต๊ะ หลานสาววัย 45 ปี ของรอนนี กล่าวว่า สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนั้น น่าหงุดหงิดใจมาก เนื่องจากกลุ่มคนที่เดินทางมากับเธอและรอนนี ซึ่งรวมถึงพ่อแม่ของเธอด้วย เป็นผู้สูงอายุและต้องทานยา
“พวกเขาควรได้เดินทางกลับวันนี้ ดังนั้นยาของพวกเขาจะอยู่ได้ไม่กี่วันแล้ว” ชารอนกล่าวและเสริมว่าบิดาของเธอวัย 69 ปี เป็นโรคเบาหวาน
เธอเสริมด้วยว่า โรงแรมที่เธออยู่ไม่ได้ใหญ่มาก เธอจึงเชื่อว่าทรัพยากรของพวกเขาน่าจะหมดลงแล้ว และพวกเขากำลังลำบากอยู่เช่นกัน นอกจากนั้น พวกเธอยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ครอบครัวของเธอต้องชาร์จโทรศัพท์ผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองเท่านั้น แต่การติดต่อสื่อสาร พวกเขาต้องขึ้นจากห้องพักชั้น 3 ไปชั้น 7 เพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ที่ยังคงติดๆ ดับๆ
เมื่อวันอังคาร กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ (MFA) ได้เตือนพลเมืองชาวสิงคโปร์ไม่ให้เดินทางไปยังจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะยังคงดำเนินต่อไป
ทางกระทรวงฯ เตือนด้วยว่า ทั้ง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลาถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติหมดแล้ว
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna