อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกมาเตือนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือในตอนนี้ ย่ำแย่ลงถึงขั้นที่มีความเสี่ยงเกิดการปะทะกันโดยไม่ตั้งใจแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 24 พ.ย. 2568 ว่า อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พยายามใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือนับตั้งแต่เขารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน และเขาได้ยื่นข้อเสนอที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า แตกต่างจากสมัยของนาย ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีคนก่อนอย่างสิ้นเชิง

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศกลับไม่ดีขึ้น โดยนายอีบอกกับผู้สื่อข่าวขณะโดยสารเครื่องบินจากแอฟริกาใต้ไปยังตุรกีว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ได้กลายเป็นปรปักษ์และเผชิญหน้ากันอย่างน่าเสียใจอย่างยิ่ง”

“แม้แต่ความเชื่อมั่นในระดับพื้นฐานที่สุดก็ไม่มีเหลืออยู่แล้ว และเกาหลีเหนือยังออกแถลงการณ์ที่สุดโต่งอย่างยิ่งและดำเนินการสุดโต่งอย่างยิ่งหลายต่อหลายครั้ง” นายอีกล่าว พร้อมยกตัวอย่างกรณีล่าสุดที่เกาหลีเหนือติดตั้งรั้วลวดหนามสามชั้นตามแนวชายแดน

นายอีกล่าวอีกว่า “ตอนนี้เรามาถึงสถานการณ์ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดการปะทะกันโดยไม่ตั้งใจขึ้นเมื่อใด” “ช่องทางการเชื่อมต่อทั้งหมดถูกตัดขาด พวกเขากำลังปฏิเสธการเจรจาและการติดต่อทุกรูปแบบ นี่เป็นสภาวะที่อันตรายอย่างยิ่ง”

อย่างไรก็ตาม นายอีกล่าวว่า เกาหลีใต้จะยังคงแสวงหาช่องทางการสื่อสารกับเกาหลีเหนือต่อไป โดยย้ำว่า เกาหลีใต้เปิดกว้างเสมอ “ทำไมเราถึงแลกเปลี่ยนและพูดคุยกับประเทศอื่น ๆ ทุกประเทศ แต่กลับไม่ทำเช่นนั้นกับเกาหลีเหนือ? เรามาพูดคุยกันเถิด และเราสนับสนุนการทำให้ความสัมพันธ์กลับสู่ภาวะปกติ”

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน เกาหลีใต้เสนอจัดการเจรจาทางทหารกับรัฐบาลเปียงยาง เพื่อป้องกันการปะทะตามแนวชายแดน นับเป็นการเสนอจัดการเจรจาทางทหารครั้งแรกในรอบเจ็ดปี

...

อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือออกมาประณามข้อตกลงสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ โดยระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลกระทบแบบ “โดมิโนนิวเคลียร์” อันเป็นผลจาก “เจตนาในการเผชิญหน้า” ของทั้งสองประเทศ


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna