เมืองดาร์วินของออสเตรเลียเผชิญสภาพอากาศสุดวิกฤต หลังไซโคลนเขตร้อน "ฟีนา" พัดขึ้นฝั่ง พร้อมลมทำลายล้างสูงถึง 205 กม./ชม. ส่งผลให้สนามบินนานาชาติดาร์วินต้อง ปิดให้บริการต่อเนื่องเป็นวันที่ 2

เมืองดาร์วินในนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีของออสเตรเลียรับมือกับไซโคลนเขตร้อน "ฟีนา" ที่พัดขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมถึง 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อคืนวันเสาร์ ส่งผลให้สนามบินนานาชาติดาร์วินต้อง ปิดให้บริการเป็นวันที่สอง ในวันอาทิตย์

โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียระบุว่า ฟีนาซึ่งเป็นพายุระดับ 3 เคลื่อนตัวออกจากดาร์วินแล้ว แต่ยังคงสร้างลมกระโชกรุนแรงและฝนหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ยังมีความเสี่ยงสูงต่อดินโคลนถล่ม ต้นไม้โค่น และเสาไฟฟ้าหักโค่น

สนามบินนานาชาติดาร์วินประกาศปิดทำการตั้งแต่วันเสาร์เพื่อความปลอดภัย และย้ำว่ากำลังเร่งประเมินความเสียหายเพื่อเปิดให้บริการเมื่อปลอดภัยจริงเท่านั้น

ด้านหน่วยงานฉุกเฉิน SecureNT โพสต์เตือนบนโซเชียลว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเที่ยวดูพายุ พร้อมสั่งประชาชนอยู่ให้ห่างเสาไฟและสายไฟแรงสูงที่ถูกพายุโค่นล้มหลายจุดทั่วเมือง

ขณะที่บริษัทไฟฟ้า Power and Water Corporation ระบุว่า ยังไม่สามารถประเมินจำนวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับได้ ต้องรอทีมงานลงพื้นที่สำรวจความเสียหายตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์

ด้านสำนักข่าว ABC รายงานว่า หลายบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานเสียหายจากแรงลมพายุ แต่โชคดีที่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม ไซโคลน "อัลเฟรด" ก็เพิ่งพัดถล่มรัฐควีนส์แลนด์ ทำให้โรงเรียนต้องปิดและประชาชนหลายแสนคนไม่มีไฟฟ้าใช้

ทั้งนี้ ไซโคลนฟีนาทำให้ชาวดาร์วินกว่า 140,000 คน หวนนึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดจาก ไซโคลนเทรซีเมื่อ ปี 1974 ที่ทำลายเกือบทั้งเมืองและคร่าชีวิต 66 คน ถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลีย.

...

ที่มา : channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ออสเตรเลีย