ตำรวจรัฐคุชราตของอินเดียเปิดเผยว่า ได้จับกุมผู้ต้องหาที่เป็นตัวการสำคัญของเครือข่ายค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ที่ถูกเรียกว่า "ค้าทาสไซเบอร์" ซึ่งล่อลวงเยาวชนอินเดียให้เดินทางไปพม่าและกัมพูชา ก่อนถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ของขบวนการไซเบอร์มาเฟียจีน
ผู้ต้องหารายนี้คือ นิลิช หรือ นีล ปุโรหิต ผู้ถูกระบุว่าเป็น "ตัวการ–เอเยนต์หลัก" ที่จัดหาแรงงานให้ศูนย์สแกมเมอร์ในพม่าบริเวณ "เคเคปาร์ก" และในกัมพูชา โดยถูกจับกุมขณะพยายามหลบหนีไปมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ระบุว่าทีมสืบสวนของศูนย์ความเป็นเลิศด้านอาชญากรรมไซเบอร์ (CCoE) ใช้วิธีวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามตัว นอกจากนี้ยังจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีกสี่ราย รวมถึงซับเอเยนต์ ฮิเตช โสมายา และโซนัล ฟาลดู
ตำรวจได้แจ้งข้อหาค้ามนุษย์และสมคบคิดก่ออาชญากรรมต่อผู้ต้องหาทั้งสี่ราย โดยศาลท้องถิ่นอนุญาตให้ควบคุมตัวนายปุโรฮิตเพื่อสอบสวนเป็นเวลา 14 วัน
แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า ปุโรฮิตบริหารเครือข่ายไซเบอร์สเลฟระดับนานาชาติที่มีความเป็นระบบสูง ควบคุมซับเอเยนต์กว่า 126 ราย และติดต่อกับเอเยนต์จากปากีสถานมากกว่า 30 ราย รวมถึงเชื่อมโยงกับฝ่ายบุคคลของบริษัทจีนและต่างชาติร้อยกว่าราย ซึ่งทำหน้าที่จัดส่งผู้คนให้แคมป์หลอกลวงไซเบอร์เหล่านี้
การสอบสวนพบว่าเขาทำข้อตกลงส่งคนออกนอกประเทศมากกว่า 1,000 ราย เพื่อทำงานในขบวนการค้าทาสไซเบอร์ เพียงหนึ่งวันก่อนถูกจับ เขายังเพิ่งส่งชายชาวรัฐปัญจาบไปกัมพูชา นอกจากนี้มีบันทึกว่าเขาเดินทางไปดูไบ ลาว ไทย พม่า และอิหร่านเป็นประจำ
นายปุโรฮิตถูกกล่าวหาว่าจองตั๋วและจัดส่งผู้คนมากกว่า 500 รายจากหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล ไนจีเรีย อียิปต์ แคเมอรูน เบนิน และตูนิเซีย ไปยังพม่า กัมพูชา เวียดนาม และไทย ทั้งโดยตรงหรือผ่านดูไบ พร้อมบริหารเส้นทางลำเลียง การเงิน และเครือข่ายข้ามพรมแดนทั้งหมด
...
รูปแบบการล่อลวงคือเสนอ "งานรายได้ด"” ด้านกรอกข้อมูลบนแพลตฟอร์มอย่าง เทเลแกรม, อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก เมื่อเหยื่อเดินทางถึงจุดหมาย หนังสือเดินทางจะถูกยึด ถูกกักขัง และลักลอบพาข้ามพรมแดนทางแม่น้ำเมยเข้าสู่ศูนย์บัญชาการของมาเฟียจีน เช่น เคเคปาร์ก ในเมืองเมียวดี จากนั้นถูกบังคับให้ทำอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งการฟิชชิง หลอกลงทุนคริปโต แชร์ลูกโซ่ และหลอกลวงผ่านแอปหาคู่ ผู้ที่ขัดขืนมักถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
รัฐบาลอินเดียระบุว่า นายปุโรฮิตรับค่านายหน้าราว 2,000–4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน และแบ่งให้ซับเอเยนต์ 30–40% เครือข่ายนี้มีเงินหมุนเวียนมูลค่ามหาศาลผ่านบัญชีม้าหลายบัญชีและกระเป๋าคริปโตอย่างน้อยห้าใบ
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา อินเดียร่วมมือกับรัฐบาลไทยและพม่า พร้อมการสนับสนุนจากกองทัพ ช่วยเหลือพลเมืองอินเดียกลับประเทศแล้วประมาณ 4,000 ราย โดยเหยื่อส่วนใหญ่ให้การระบุตัวปุโรฮิตว่าเป็นเอเยนต์สำคัญของเครือข่ายนี้.
ที่มา The Indian Express