ภาพวาดบุคคลชิ้นเอกของศิลปินชาวออสเตรียผู้ล่วงลับ กุสตาฟ คลิมท์  ที่มีชื่อว่า "Portrait of Elisabeth Lederer" ถูกประมูลขายไปในราคาทำลายสถิติที่ 236.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7,660 ล้านบาท ในการประมูลของสถาบันซัทเธอบีส์ ที่นครนิวยอร์ก ส่งผลให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นงานศิลปะที่มีราคาสูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลกที่เคยขายในการประมูล และเป็นงานศิลปะสมัยใหม่ที่มีราคาสูงที่สุดที่ขายในการประมูล

การประมูลดำเนินไปอย่างดุเดือดนานถึง 20 นาที โดยมีผู้เสนอราคาเข้าร่วมถึง 6 ราย อย่างไรก็ตาม ทางซัทเธอบีส์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของผู้ซื้อที่ชนะการประมูล

ภาพ "Portrait of Elisabeth Lederer" มีประวัติที่น่าทึ่ง เนื่องจากเคยถูกกองทัพนาซีปล้นไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และเกือบจะถูกทำลายในกองเพลิง แต่ในปี 1948 ภาพได้ถูกส่งคืนให้กับ อีริช เลเดอเรอร์ น้องชายของเอลิซาเบธ ซึ่งเป็นผู้สะสมงานศิลปะตัวยง

ภาพวาดนี้ยังคงอยู่ในความครอบครองของอีริชเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เขาจะขายมันไปในปี 1983 และต่อมาในปี 1985 ภาพวาดได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสะสมส่วนตัวของ ลีโอนาร์ด เอ. ลอเดอร์ ทายาทบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางเอสเต้ ลอเดอร์ ผู้ล่วงลับในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาด้วยวัย 92 ปี

เอมิลี บราวน์ นักประวัติศาสตร์ศิลป์และที่ปรึกษาด้านศิลปะของลอเดอร์มาเกือบสี่ทศวรรษ เปิดเผยว่าภาพนี้คือ "เพชรยอดมงกุฎ" ในคอลเลกชันของเขา โดยลอเดอร์มักจะรับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับภาพวาดนี้เสมอเมื่อเขาอยู่ที่บ้านพักบนนถนนฟิฟท์ อเวนิว ในนครนิวยอร์ก ภาพนี้เป็นหนึ่งในสองภาพวาดบุคคลแบบเต็มตัวของคลิมท์ที่ยังคงอยู่ในมือของนักสะสมส่วนตัว

ราคาประมูล 236.4 ล้านดอลลาร์นี้ ได้ทำลายสถิติเดิมของภาพวาดคลิมท์ที่ขายในการประมูล ซึ่งก่อนหน้านี้คือภาพ "Lady with a Fan" ที่เคยทำราคาได้ 108 ล้าน เมื่อปี 2023

...

ภาพวาดนี้เพียงชิ้นเดียวมีมูลค่ามากกว่า 40% ของมูลค่ารวมของคอลเลกชันทั้งหมดของลอเดอร์ ซึ่งถูกประมูลไปรวมทั้งสิ้น 575.5 ล้านดอลลาร์

งานศิลปะที่ทำสถิติราคาสูงที่สุดตลอดกาลที่ขายในการประมูลคือภาพ "Salvator Mundi" ของ เลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งขายไปในราคา 450.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2017

นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบกับภาพเขียนชื่อดังอีกชิ้นของคลิมท์คือ "Portrait of Adele Bloch-Bauer 1" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Woman in Gold" ซึ่งโรนัลด์ ลอเดอร์ น้องชายของลีโอนาร์ด ได้ซื้อมันในการขายส่วนตัวนอกการประมูลด้วยราคา 135 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2006.


ที่มา The Guardian