ทีมนักวิจัยเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ พบว่าการจูบไม่ได้เริ่มต้นจากคู่รักมนุษย์ แต่ย้อนไปไกลถึงบรรพบุรุษของไพรเมตเมื่อราว 20 ล้านปีก่อน 

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและสถาบันเทคโนโลยีฟลอริดา ค้นพบคำตอบ หลังตั้งคำถามว่าพฤติกรรมการจูบ เริ่มต้นขึ้นเมื่อใด เพราะในมุมมองเชิงวิวัฒนาการ การจูบ ไม่ได้ให้ประโยชน์ด้านการเอาตัวรอดอย่างชัดเจน และยังอาจเป็นพาหะของโรค หลังพบว่า มนุษย์ ชิมแปนซี โบโนโบ อุรังอุตัง และกอริลลา ล้วนมีพฤติกรรมการจูบ ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษร่วมกัน

โดยทีมนักวิจัยผสานข้อมูลการสังเกตพฤติกรรมไพรเมต หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับวานร  กับข้อมูลสายสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ เพื่อย้อนเวลาและคำนวณช่วงเวลาที่การจูบเกิดขึ้นครั้งแรก

ดร.มาทิลดา บรินเดิล ผู้เขียนนำจากภาคชีววิทยา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด อธิบายว่า พวกเขาใช้โมเดลจำลองสถานการณ์เชิงวิวัฒนาการหลายรูปแบบ เพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งเมื่อมีการดำเนินการตามโมเดลนับล้านครั้ง ผลลัพธ์ชี้ว่าจูบแรก น่าจะเกิดขึ้นราว 21.5–16.9 ล้านปีก่อน โดยงานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Evolution and Human Behaviour

อย่างไรก็ตาม คำว่า "จูบ" ในงานวิจัยนี้ไม่ได้หมายถึงความโรแมนติก แต่หมายถึง "การสัมผัสปากต่อปากแบบไม่ก้าวร้าวและไม่เกี่ยวกับการป้อนอาหาร" ซึ่งรวมถึงทั้งการจูบเชิงชู้สาว และการจูบแบบเพื่อนหรือคนในครอบครัว

สาเหตุว่าทำไมการจูบถึงเกิดขึ้นและยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียง แต่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าการจูบเชิงชู้สาวอาจใช้ ประเมินคุณภาพคู่ครอง หรือเพิ่มโอกาสปฏิสนธิด้วยการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ส่วนการจูบแบบเพื่อนหรือในครอบครัวอาจช่วย สร้างสายสัมพันธ์ และจัดการความสัมพันธ์ทางสังคมที่ซับซ้อน

...

งานวิจัยยังชี้ว่า มนุษย์สมัยใหม่และมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล น่าจะจูบกันด้วย เนื่องจากมีหลักฐานว่าทั้งสองสายพันธุ์มีการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ และยังมีจุลชีพในช่องปากร่วมกัน ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาเคยแลกน้ำลายกัน หลังจากที่สายพันธุ์ทั้งสองแยกจากกันเมื่อราว 450,000–750,000 ปีก่อน.


ที่มา : channelnewsasia

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ จูบแรก