(ภาพจาก AFP PHOTO / NATIONAL PARKS BOARD OF SINGAPORE)
สิงคโปร์ยึดนอแรดน้ำหนักมากถึง 35.7 กก. ได้ที่สนามบินชางงี มากที่สุดเป็นสถิติของประเทศ นอกจากนั้นยังยึดชิ้นส่วนสัตว์อื่นๆ ได้อีกกว่า 150 กก.
เมื่อวันอังคารที่ 18 พ.ย. 2568 คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (NParks) และ SATS บริษัทผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศของสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจพบ นอแรด 20 อัน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.13 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ พร้อมกับชิ้นส่วนสัตว์อื่น ๆ น้ำหนักรวม 150 กก. ในลังสินค้า 4 กล่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี โดยถูกส่งมาจากแอฟริกาใต้ และกำลังจะถูกส่งไปกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว
การจับกุมครั้งนี้นับเป็นการยึดนอแรดครั้งใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์จนถึงปัจจุบัน โดยทำลายสถิติเดิมที่ 34.7 กิโลกรัม ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2565
การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ SATS ที่สนามบินชางงีเปิดเผยว่า เนื้อหาของสินค้าไม่ตรงกับฉลากที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่รับสินค้าของ SATS ยังได้กลิ่นรุนแรงออกมาจากลังบรรจุสินค้าระหว่างการตรวจสอบ เขาจึงแจ้งผู้จัดการเวรของตน ซึ่งต่อมาได้สั่งให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของ SATS ทำการตรวจสอบการขนส่งโดยละเอียด
เจ้าหน้าที่เปิดลังสินค้ากล่องหนึ่งและพบสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนสัตว์ ก่อนจะทำการเอ็กซ์เรย์ลังสินค้าที่เหลือ และพบสิ่งของลักษณะคล้ายกัน
จากการสอบสวนพบว่า นอแรดทั้ง 20 อันมีต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ และมาจากสายพันธุ์แรดขาว ในขณะที่การระบุชนิดของชิ้นส่วนสัตว์อื่น ๆ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ
ทั้งนี้ แรดเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และการค้านอแรดระหว่างประเทศเป็นสิ่งต้องห้าม
...
NParks และ SATS กล่าวว่า สิงคโปร์ยึดมั่นในนโยบายไม่ยอมให้มีการค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ที่ผิดกฎหมาย รวมถึงชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์เหล่านั้น พร้อมเสริมว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่ลงนามในอนุสัญญา CITES และมุ่งมั่นที่จะให้ความร่วมมือในความพยายามระดับนานาชาติเพื่อควบคุมการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เหล่านี้จะอยู่รอดในระยะยาว
นอแรดที่ยึดได้จะถูกนำไปกำจัดตามแนวทางของ CITES เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง ซึ่งเป็นการทำลายห่วงโซ่อุปทานของนอแรดที่ถูกลักลอบค้าอย่างผิดกฎหมายทั่วโลก
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna