ยูเครนจะได้เครื่องบินรบ ราฟาเอล จำนวนสูงสุด 100 ลำ จากฝรั่งเศส หลังจากทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงของรัสเซีย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยูเครนจะได้รับเครื่องบินขับไล่ Rafale F4 ของฝรั่งเศส สูงสุด 100 ลำ รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูง ภายใน 1 ทศวรรษหลังจากนี้ เพื่อเสริมขีดความสามารถของเคียฟในการปกป้องประเทศจากการโจมตีของรัสเซีย

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2568 ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมายกย่องว่านี่เป็นความเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากลงนามใน “หนังสือแสดงเจตจำนง” (letter of intent) ร่วมกับประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ที่ฐานทัพอากาศในกรุงปารีส

ตามแผนการแล้ว การส่งมอบเครื่องบินรบ ราฟาเอล เอฟ 4 จะแล้วเสร็จภายในปี 2578 ขณะที่การผลิตโดรนสกัดกั้นร่วมกันจะเริ่มขึ้นในปีนี้

รายละเอียดทางการเงินยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการ และจะมีการจัดทำข้อตกลงซื้อขายระหว่างกันหลังจากนี้ โดยมีรายงานว่าฝรั่งเศสวางแผนที่จะดึงดูดเงินทุนจากสหภาพยุโรป และใช้สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่เป็นที่ถกเถียงและทำให้กลุ่มสมาชิก EU 27 ประเทศมีความเห็นแตกแยก

“นี่คือข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์ที่จะคงอยู่เป็นเวลา 10 ปี เริ่มตั้งแต่ปีหน้า” เซเลนสกีกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับมาครงเมื่อวันจันทร์ และเสริมว่า ยูเครนจะได้รับ เรดาร์ฝรั่งเศสที่ทรงพลังมาก, ระบบป้องกันภัยทางอากาศ 8 เครื่อง, และอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูงอื่น ๆ

ส่วนนายมาครงกล่าวในงานแถลงข่าวร่วมกับนายเซเลนสกีว่า “เรากำลังวางแผน [เรื่องเครื่องบิน] Rafales 100 ลำ นั่นเป็นจำนวนมหาศาล นั่นคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูกองทัพยูเครน” และเสริมว่า เขาต้องการช่วยยูเครนเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป

...

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของยูเครนเกิดขึ้นหลังจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัสเซียได้ยกระดับการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธต่อยูเครน โดยมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและรถไฟ ซึ่งก่อให้เกิดไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ทั่วประเทศ มีพลเรือนหลายสิบคนเสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว

ปัจจุบัน ยูเครนกำลังใช้เครื่องบินรบ Mirage ของฝรั่งเศส รวมถึงเครื่องบิน F-16 ที่ผลิตในสหรัฐฯ ในการรับมือการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย นอกจากนั้น เคียฟยังได้ตกลงเบื้องต้นที่จะขอรับเครื่องบินขับไล่ Gripen ของสวีเดนเมื่อไม่นานมานี้


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : bbc