ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ยังคงเรียกร้องไปยังประชาชนกัมพูชา ให้อย่าเลยเถิดหรือสุดโต่งเกินไปในประเด็นเกี่ยวกับสินค้าไทย โดยเน้นย้ำว่า ไม่ว่าบริษัทหรือเจ้าของจะเป็นชาวไทย แต่หากมีการผลิตสินค้าภายในราชอาณาจักรกัมพูชา สินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นถือเป็นสินค้าของกัมพูชา

การเรียกร้องดังกล่าวเกิดขึ้นในโอกาสที่นายฮุน เซน  เป็นผู้แทนพระองค์ระดับสูงของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสงฆ์แห่งชาติ ครั้งที่ 33 ณ สถาบันศึกษาแห่งชาติ

ประธานวุฒิสภากัมพูชาได้อธิบายต่อประชาชนว่า ยกตัวอย่างเช่น สถานีบริการน้ำมันของไทย แม้ว่าบริษัทแม่จะมีต้นกำเนิดจากประเทศไทย แต่ในปัจจุบัน ปั๊มน้ำมันดังกล่าวในกัมพูชาไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากประเทศไทยอีกต่อไป โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์แทน ดังนั้นประชาชนจึงสามารถใช้บริการได้ตามปกติ

ฮุน เซน กล่าวว่า "ผมขอพูดเรื่องหนึ่งว่า อย่าสุดโต่งเกินไป จนถึงขั้นที่นักลงทุนไทยที่ผลิตสินค้าในกัมพูชา ก็ยังไม่ยอมซื้อ นี่เป็นหลักการที่ผิด เมื่อพวกเขาผลิตในกัมพูชา ให้ถือว่าเป็นสินค้าของกัมพูชา  และปั๊มน้ำมันดังกล่าวทุกวันนี้ ก็ไม่ได้นำน้ำมันจากไทยมาขายแล้ว แต่นำเข้าน้ำมันจากสิงคโปร์ จากมาเลเซียมาขาย แต่ก็ยังไม่ไปเติมน้ำมัน"

ในความหมายนี้ ฮุน เซน ได้แสดงความเห็นว่า การกระทำเช่นนี้เป็นพฤติกรรมที่เกินเหตุและสุดโต่ง ซึ่งจะนำไปสู่การทำลายเศรษฐกิจของประเทศตนเอง ดังนั้น ประชาชนควรนำกันคว่ำบาตรสินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยเท่านั้น แต่หากเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ ไม่ว่าผู้ผลิตจะเป็นชนชาติใด ก็ควรใช้กันตามปกติเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติ

จากการกล่าวของฮุน เซน นักลงทุนทุกคนที่ทำการผลิตในประเทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม จะต้องถือเป็นผลิตภัณฑ์ของกัมพูชา ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่าง บริษัทของไทยที่มีการเลี้ยงไก่และผลิตไข่ไก่ในกัมพูชา บริษัทผลิตปูนซีเมนต์ และสถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น

...

ด้วยเหตุนี้ ฮุน เซน จึงเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาทุกคนมีความเห็นที่สมดุล และยับยั้งพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวสุดโต่ง และให้การสนับสนุนสินค้าที่ผลิตภายในประเทศต่อไป เพื่อรับประกันการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของการลงทุนในกัมพูชา.


ที่มา FRESH NEWS