ฮุน มาเนต โพสต์ข้อความประณามไทย อ้างไทยใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนชาวกัมพูชา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บอีก 3 ราย พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติร่วมตรวจสอบ
เมื่อ 12 พ.ย. 2568 เกิดเหตุยิงปะทะกันรอบใหม่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 1 ของไทย โพสต์ข้อความระบุว่า ฝ่ายกัมพูชายิงปืนเล็ก AK-47 เข้ามาก่อนประมาณ 30 นัด ก่อนที่กกล.บูรพา ได้ยิงเตือนและดำเนินการโต้ตอบเหตุการณ์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนสถานการณ์จะสงบลง ตรวจสอบฝ่ายไทยไม่ได้รับการสูญเสีย
ด้าน สมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความประณามไทย อ้างใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนชาวกัมพูชา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บอีก 3 ราย พร้อมเรียกร้องให้มีการสืบสวนอิสระเพื่อหาความจริง โดยขอให้ผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติเข้าร่วมด้วย
โพสต์ของ ฮุน มาเนต ระบุว่า “ผมขอประณามการใช้ความรุนแรงของฝ่ายไทยต่อพลเรือนชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านเปรยจัน ในช่วงเย็นของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งส่งผลให้พลเรือนชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บ 3 คน และเสียชีวิต 1 คน”
“การกระทำนี้เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดต่อเจตนารมณ์ด้านมนุษยธรรม รวมถึงข้อตกลงที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตกลงใช้กลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในการวัดระยะและปักหลักเขตแดนชั่วคราว และให้คงสถานการณ์เดิมไว้จนกว่าการวัดจะเสร็จสิ้น และรอการตัดสินของ JBC”
“ผมขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยยุติการใช้กำลังต่อพลเรือนชาวกัมพูชาผู้บริสุทธิ์ในหมู่บ้านเปรยจัน รวมถึงการใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศโดยทันที”
“ผมขอเรียกร้องให้มีการเปิดการสอบสวนอย่างเป็นอิสระในกรณีนี้ และขอให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อค้นหาความจริง หาผู้ที่ต้องรับผิดชอบ และมอบความเป็นธรรมให้กับพลเมืองที่ได้รับผลกระทบจากการยิงครั้งนี้”
...
“ในขณะเดียวกัน ผมขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องพลเมืองของเราในทันที โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและชีวิตของพวกเขาเป็นอันดับแรก”
“กัมพูชายังคงยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ตามเจตนารมณ์ของแถลงการณ์ร่วมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เพื่อก้าวไปสู่การยุติความขัดแย้งและสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศ”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : facebook