ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ซีเรียประสบความสำเร็จ ภายหลังการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีอาห์เหม็ด อัล-ชารา ผู้นำซีเรียคนใหม่ ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการกลุ่มอัลกออิดะห์ และเพิ่งถูกถอดชื่อออกจากบัญชีผู้ก่อการร้ายของสหรัฐฯ
การเยือนกรุงวอชิงตันของนายชาราถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของผู้นำซีเรีย และเกิดขึ้นเพียง 6 เดือนหลังจากทั้งสองพบกันครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทรัมป์ได้ประกาศแผนผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรซีเรียในขณะนั้น
นายอัล-ชารา วัย 43 ปี ขึ้นสู่อำนาจเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังกองกำลังติดอาวุธของเขาโค่นล้มอดีตผู้นำเผด็จการ บาชาร์ อัล-อัสซาด ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากนั้น ซีเรียได้ปรับทิศทางนโยบายอย่างรวดเร็ว จากการพึ่งพาอิหร่านและรัสเซีย ไปสู่การสร้างสัมพันธ์กับตุรกี กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ และล่าสุดคือสหรัฐฯ
ทรัมป์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า "เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้ซีเรียประสบความสำเร็จ" พร้อมยกย่องนายชาราว่าเป็น "ผู้นำที่แข็งแกร่ง" และยอมรับถึงอดีตอันขัดแย้งของเขาว่า "ทุกคนต่างก็เคยมีอดีตที่ยากลำบาก"
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศขยายระยะเวลาการผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรตาม "กฎหมายซีซาร์" ออกไปอีก 180 วัน เพื่อเปิดทางให้ซีเรียเริ่มกระบวนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ย้ำว่าการยกเลิกทั้งหมดต้องได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรส
ในด้านความมั่นคง สหรัฐฯ กำลังเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างซีเรียและอิสราเอล เพื่อทำข้อตกลงด้านความมั่นคงร่วมกัน แม้อิสราเอลยังคงระแวงต่อประวัติการก่อการร้ายของนายชาราก็ตาม ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสหรัฐฯ มีแผนจัดตั้งฐานทัพในกรุงดามัสกัส
...
ก่อนการประชุมไม่กี่ชั่วโมง ทางการซีเรียเปิดเผยว่าได้สกัดแผนลอบสังหารนายชาราของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) สองครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อสุดสัปดาห์ ซีเรียได้เปิดปฏิบัติการกวาดล้างทั่วประเทศ จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 70 คน
ชารายังมีเป้าหมายสำคัญคือการผลักดันให้ยกเลิก "กฎหมายซีซาร์" เพื่อเปิดทางให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาฟื้นฟูประเทศที่ผ่านสงครามยาวนานกว่า 14 ปี ซึ่งธนาคารโลกประเมินว่าต้องใช้เงินมากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ในการฟื้นฟู
ในสภาคองเกรส สส. หลายรายทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันเริ่มเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว แม้บางฝ่ายยังคงคัดค้าน แต่สถานการณ์อาจเปลี่ยนได้หากทรัมป์ออกแรงกดดันทางการเมือง
ภายในประเทศ ซีเรียยังคงเผชิญความรุนแรงทางศาสนาและความขัดแย้งภายใน ที่คร่าชีวิตประชาชนกว่า 2,500 คนตั้งแต่การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด ซึ่งสร้างคำถามถึงศักยภาพของรัฐบาลใหม่ในการบริหารประเทศอย่างเป็นเอกภาพ
การมุ่งความสนใจของทรัมป์ต่อซีเรียมีขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามรักษาข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาระหว่างอิสราเอลและฮามาส และผลักดันแผนสันติภาพ 20 ข้อของเขาเพื่อยุติสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี
เส้นทางชีวิตของนายชาราถือเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ เขาเข้าร่วมกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักหลังการรุกรานของสหรัฐฯ ปี 2003 และเคยถูกคุมขังโดยกองทัพสหรัฐฯ ก่อนกลับไปซีเรียเข้าร่วมการต่อต้านอัสซาดในปี 2011 ต่อมาในปี 2013 สหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีเขาเป็นผู้ก่อการร้ายภายใต้ชื่อ "อาบู มูฮัมหมัด อัล-โกลานี" จนกระทั่งเขาประกาศตัดขาดจากอัลกออิดะห์ในปี 2016
ล่าสุด เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ยกเลิกรางวัลนำจับมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ที่ตั้งไว้กับตัวนายชารา และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ถอดชื่อเขาและรัฐมนตรีมหาดไทยของซีเรียออกจากบัญชีคว่ำบาตรด้านการก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ.
ที่มา Reuters