ทางการเมียนมาดำเนินการทำลายตึกของแก๊งหลอกลวงออนไลน์บริเวณชายแดนติดกับไทยกว่า 150 ตึก ซึ่งพวกเขาค้นพบหลังมีปฏิบัติการบุกทลาย KK Park ศูนย์สแกมเมอร์ชื่อดัง
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. 2568 กองทัพเมียนมาเปิดเผยว่า พวกเขากำลังรื้อถอนอาคารเกือบ 150 หลัง โดยเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจปราบปรามศูนย์หลอกลวงออนไลน์อันฉาวโฉ่บริเวณชายแดนติดกับประเทศไทย โดยอาคารดังกล่าวมีทั้ง โรงยิม สปา และห้องคาราโอเกะ
ศูนย์หลอกลวงขนาดใหญ่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ชายแดนของประเทศเมียนมา ซึ่งกำลังเผชิญกับสงครามกลางเมือง และอำนาจปกครองของรัฐบาลครอบคลุมไม่ทั่วถึง โดยอาคารหลายแห่งเป็นที่พักของสมาชิกแก๊งหลอกลวงออนไลน์ ที่คอยหลอกลวงผู้คนในหลายประเทศสร้างความเสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
คนงานจำนวนมากตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ และถูกหลอกเข้าไปในศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ และถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงคน แต่บางส่วนก็เข้าไปด้วยความสมัครใจ
เมื่อเดือนตุลาคม กองทัพเมียนมาเพิ่งมีปฏิบัติการบุกเข้าทลาย KK Park ศูนย์หลอกลวงชื่อฉาว พบนักต้มตุ๋นมากกว่า 2,000 คน และทำให้ประชาชนกว่า 1,500 คน หลบหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศไทย
ในวันอาทิตย์ หนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar สื่อกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารเมียนมา เผยแพร่การอัปเดตข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าว ระบุว่า เจ้าหน้าที่พบอาคารที่เกี่ยวข้องกับแก๊งหลอกลวงออนไลน์จำนวน 148 หลัง ซึ่งรวมถึง อาคารหอพัก โรงพยาบาลสี่ชั้น และอาคารคาราโอเกะสองชั้น
จากจำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ดำเนินการรื้อถอนไปแล้ว 101 หลัง และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการรื้อถอนอาคารที่เหลือ
ด้านสำนักข่าว AFP ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวในเมียนมามาตลอดระบุว่า พวกเขายังไม่สามารถยืนยันรายงานของสื่อเมียนมาได้ แต่คนในพื้นที่ทั้งในเมียนมาและบริเวณชายแดนไทยรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ ตั้งแต่กองทัพเมียนมาเริ่มปฏิบัติการบุกทลาย
...
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า การบุกปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ของรัฐบาลเมียนมาน่าจะเป็นไปอย่างจำกัด อาจมีการจัดฉากและเผยแพร่ข้อมูลอย่างจำกัด เนื่องจากกองทัพกำลังพยายามสร้างความสมดุลเพื่อบรรเทาแรงกดดันจากนานาชาติให้ปราบปรามศูนย์หลอกลวง โดยที่ยังไม่ทำให้ “ผลกำไร” เสียหายมากเกินไป
ทั้งนี้ จีนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางทหารหลักของเมียนมากำลังไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่แก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมามุ่งเป้าหมายไปที่พลเมืองจีน และถึงขั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็คาดว่า การปราบปรามที่หนักหน่วงเกินไปจะส่งผลกระทบต่อ ผลกำไรที่หล่อเลี้ยงกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญที่รัฐบาลทหารต้องพึ่งพาในสงครามกลางเมือง ที่ครอบงำประเทศแห่งนี้นับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาชนของนาง อองซาน ซูจี เมื่อปี 2564
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ การกดดันซึ่งนำโดยประเทศจีน ส่งผลให้คนงานของแก๊งหลอกลวงในเมียนมากว่า 7,000 คน ถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ขณะที่ไทยได้ดำเนินการ ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตข้ามพรมแดน เพื่อพยายามจำกัดการทำงานของศูนย์หลอกลวงเหล่านี้
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna