วิกฤตชัตดาวน์สหรัฐฯ ลากยาว ระบบควบคุมการบินสะดุดต้องสั่งลดเที่ยวบินใน 40 สนามบินหลัก กระทบกว่า 2,000 เที่ยวบิน ที่ต้องยกเลิกหรือดีเลย์ คมนาคมเตือนหากยังไร้ข้อตกลงตัวเลขลดเที่ยวบินจะพุ่ง 20%
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าว BBC รายงานว่า สถานการณ์ชัตดาวน์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมากว่า 38 วัน ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการบินของประเทศ โดยสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration-FAA) สั่งให้สายการบินลดเที่ยวบินภายในประเทศลง 4% ในสนามบินหลัก 40 แห่ง รวมถึงนิวยอร์ก ชิคาโก และแอตแลนตา เพื่อบรรเทาความตึงเครียดของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินที่ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ล่าสุด มีรายงานว่ามีเที่ยวบินภายในสหรัฐฯ มากกว่า 2,900 เที่ยวที่ล่าช้า และอีกกว่า 1,200 เที่ยวถูกยกเลิกในวันเดียว สายการบินยักษ์ใหญ่ อาทิ เดลตา ยูไนเต็ด และอเมริกัน แอร์ไลน์ ประกาศคืนเงินเต็มจำนวนให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ พร้อมเปิดให้เปลี่ยนเที่ยวบินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
ทางด้านนางซาราห์ เนลสัน ประธานสมาคมแอร์โฮสเตสแห่งสหรัฐฯ แถลงเรียกร้องให้ยุติภาวะชัตดาวน์โดยเร็ว ระบุว่า ระบบการบินของประเทศยังดำเนินต่อได้เพราะเจ้าหน้าที่แอร์ทราฟฟิกและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสนามบินทำงานทั้งที่ไม่ได้รับเงิน ขณะที่เจ้าหน้าที่สนับสนุนหลายหมื่นคนถูกสั่งพักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ความปลอดภัยไม่ควรถูกนำมาเล่นเกมการเมือง
ขณะที่นายฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคมสหรัฐฯ เตือนว่า หากการชัตดาวน์ยังคงดำเนินต่อ ตัวเลขการลดเที่ยวบินอาจเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 15–20% ภายในสัปดาห์หน้า และถ้าไม่รีบหาทางออก เราจะเห็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินลาออกเพิ่มขึ้น และนั่นจะยิ่งทำให้ระบบการบินชะงักไปกว่าเดิม พร้อมระบุว่า แม้รัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการในทันที สายการบินก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
...
ทั้งนี้ วิกฤตครั้งนี้สะท้อนผลกระทบจากการเมืองที่ไร้ทางออก ระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ที่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องงบประมาณ ทำให้พนักงานของรัฐหลายแสนคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่อุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ กำลังเผชิญความไม่มั่นคงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายปี.