ผู้เชี่ยวชาญชี้เอเชียตะวันออกกำลังกลายเป็นจุดศูนย์กลางของไต้ฝุ่น เกิดพายุถี่ที่สุดในโลก หลังน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกอุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ไต้ฝุ่นคัลแมกี  ได้สร้างความเสียหายหนักในฟิลิปปินส์ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 140 คน และยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนมาก ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งเวียดนาม ขณะที่ไต้ฝุ่นฟงวอง กำลังก่อตัวขึ้น และมุ่งหน้ามาทางฟิลิปปินส์ ก่อนจะทวีกำลังแรงขึ้นจนเป็นพายุระดับรุนแรงในช่วงวันอาทิตย์นี้ จนหลายฝ่ายต่างต้องจับตาว่า เกิดอะไรขึ้นกับภูมิภาคนี้ ทำไมจึงเกิดไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงหลายๆ ลูกติดต่อกัน

นักวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ว่า ไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกก็คล้ายกับเฮอร์ริเคนและไซโคลน เพราะแท้จริงแล้วทั้งหมดคือ “พายุหมุนเขตร้อน” เพียงแต่เรียกต่างกันตามภูมิภาค เช่น “เฮอร์ริเคน” ในแอตแลนติก “ไซโคลน” ในมหาสมุทรอินเดีย และ “ไต้ฝุ่น” ในแปซิฟิกตะวันตก

พายุจะได้ชื่อและถูกจัดเป็นพายุโซนร้อนเมื่อความเร็วลมแตะ 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะถูกจัดเป็นไต้ฝุ่นหรือเฮอร์ริเคนเมื่อความเร็วลมเกิน 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีทั้งหมด 5 ระดับความรุนแรง ซึ่งระดับสูงสุดคือระดับ 5 หรือมากกว่า 249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งคัลแมกีถือเป็นพายุที่จัดอยู่ในกลุ่มรุนแรงของปีนี้

ฤดูกาลไต้ฝุ่นในแปซิฟิกตะวันตกกินเวลานานเกือบตลอดปี โดยจะเกิดถี่ที่สุดระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลอุ่นจัดและมีความชื้นสูง ทำให้เกิดการก่อตัวของพายุได้ง่าย

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยโคโลราโดสเตต ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วแปซิฟิกตะวันตกมีพายุที่ได้รับการตั้งชื่อถึง 27 ลูกต่อปี และในจำนวนนี้ราว 14 ลูกจะทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นเต็มรูปแบบ

สำหรับปีนี้ ไต้ฝุ่นคัลแมกีและฟงวองถือเป็นพายุลูกที่ 26 และ 27 แล้ว แต่ถึงแม้จะมีจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าฤดูกาลนี้ยังถือว่ารุนแรงน้อยกว่าปกติ โดยคิดเป็นเพียงร้อยละ 62 ของค่ามาตรฐานเฉลี่ยในแต่ละปี

...

ศาสตราจารย์คริสเตน คอร์โบซีเอโร จากมหาวิทยาลัยอัลบานี อธิบายว่า สาเหตุที่ภูมิภาคนี้เกิดพายุได้บ่อย เพราะมีน้ำทะเลอุ่นตลอดปี และมีกระแสลมชั้นบนอ่อน ทำให้พายุสามารถก่อตัวและทวีความแรงได้ง่าย

นอกจากนี้ยังมี การสั่นของบรรยากาศมัดเดน–จูเลียน หรือ MJO ซึ่งเป็นคลื่นความปั่นป่วนของสภาพอากาศที่หมุนเวียนรอบโลกทุก 30–60 วัน เมื่อมันเคลื่อนผ่านภูมิภาคใด มักจะกระตุ้นให้เกิดฝนและพายุเพิ่มขึ้นในบริเวณนั้น

ในช่วงนี้ MJO ที่มีความแรงเพิ่งผ่านเข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ทำให้การก่อตัวของไต้ฝุ่นคัลแมกีและฟงวองเกิดขึ้นเกือบพร้อมกัน

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน จะทำให้ไต้ฝุ่นในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกไม่เพียงเกิดบ่อยขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เริ่มปรากฏชัดในภูมิภาคเอเชีย.


ที่มา : AP

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อน