ไต้ฝุ่น "คัลแมกี" พัดขึ้นฝั่งเวียดนามแล้วเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทางการสั่งปิดสนามบิน 6 แห่ง ทหาร 2.6 แสนคนพร้อมรับมือ หลังพายุพัดถล่มฟิลิปปินส์ สร้างความเสียหายหนัก คร่าชีวิตประชาชน 114 ศพ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 พายุไต้ฝุ่นคัลแมกี (Kalmaegi) หรือที่ฟิลิปปินส์เรียกว่า “ติโน” (Tino) เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม เมื่อเวลา 19.29 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังสร้างความเสียหายอย่างหนักในฟิลิปปินส์ คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 114 ศพ และพัดพาน้ำท่วมกลืนทั้งเมือง โดยเฉพาะเกาะเซบู
รัฐบาลเวียดนามเผยว่า ทหารและเจ้าหน้าที่กว่า 260,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์กว่า 6,700 รายการ รวมถึงเครื่องบิน 6 ลำ ถูกระดมเตรียมช่วยเหลือฉุกเฉิน ขณะที่สนามบิน 6 แห่งทั่วประเทศต้องปิดชั่วคราว และคาดว่ามีเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวบินได้รับผลกระทบ
โดยนายกรัฐมนตรี ฟาม มินห์ จิ๋ง ของเวียดนาม จัดประชุมออนไลน์กำชับหน่วยงานท้องถิ่น ต้องเข้าถึงพื้นที่ถูกตัดขาดให้เร็วที่สุด ต้องไม่มีใครเสียชีวิตจากการอดอาหารหรือความหนาวเย็น
ทางด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเวียดนามระบุว่า พายุได้ขึ้นฝั่งในจังหวัดดั๊กลัก และซายลาย พร้อมเตือนว่าอีกกว่า 7 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มใน 6 ชั่วโมงข้างหน้า จังหวัดดั๊กลักซึ่งอยู่ห่างจากโฮจิมินห์ซิตี้ประมาณ 350 กิโลเมตร มีประชาชนร้องขอความช่วยเหลือจำนวนมาก บ้านพังถล่ม น้ำทะลักเข้าเต็มพื้นที่
แรงลมจากไต้ฝุ่นทำให้ต้นไม้โค่น หลังคาบ้านปลิว หน้าต่างโรงแรมแตกกระจาย ในเมืองกวีเญินและหลายจังหวัดริมชายฝั่ง ขณะที่คลื่นในทะเลจีนใต้อาจสูงถึง 8 เมตร ขณะที่หลายพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญในเวียดนามอาทิ เมืองเว้ และฮอยอัน ถูกน้ำท่วมจากฝนสัปดาห์ก่อน ประชาชนใช้เรือแจวเดินทางกลางเมือง
...
ก่อนหน้านี้ในฟิลิปปินส์ ไต้ฝุ่นคัลแมกีได้ทำให้เกิดฝนตกหนักเทียบเท่าปริมาณทั้งเดือนลงบนเกาะเซบู ของฟิลิปปินส์ เพียง 24 ชั่วโมง โดยกระแสน้ำเชี่ยวกราก พัดรถยนต์ เรือคอนเทนเนอร์ และอาคารบ้านเรือนไปกับสายน้ำ ประชาชนกว่าแสนคนต้องอพยพ หลายชุมชนเหลือเพียงซากไม้และโคลนหนา
โดยประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศตั้งแต่เช้าวันพฤหัสบดี เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือ ด้านไทยก็เตรียมรับผลกระทบจากอิทธิพลพายุเช่นกัน หน่วยงานท้องถิ่นเตือนฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม และน้ำล้นตลิ่งในหลายจังหวัดภาคเหนือและอีสานในระยะต่อไป.