เกิดความเสียหายครั้งใหญ่ในฟิลิปปินส์ เมื่อฝนที่ตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นคัลแมกี ได้พัดถล่มภาคกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ศพ และประชาชนเกือบ 4 แสนคนต้องอพยพหนีภัย ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเผชิญฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 40 ศพ
ไต้ฝุ่นคัลแมกี ได้พัดถล่มหมู่เกาะวิซายาส โดยเฉพาะเกาะเซบู ต้องเผชิญกับน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรงจนท่วมทั้งเมือง มีคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นรถยนต์ รถบรรทุก และแม้แต่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ถูกพัดพาไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากและเป็นโคลน พื้นที่โดยรอบเมืองเซบูมีปริมาณน้ำฝนถึง 183 มิลลิเมตร ในช่วง 24 ชั่วโมง ก่อนไต้ฝุ่นขึ้นฝั่ง ซึ่งเกินกว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนถึง 131 มิลลิเมตร
นางพาเมลา บาริกวาโตร ผู้ว่าการจังหวัดเซบู ระบุผ่านโซเชียลมีเดียว่า "สถานการณ์ในเซบูไม่เคยปรากฏมาก่อน เราคาดว่าลมจะเป็นส่วนที่อันตราย แต่น้ำคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนของเราตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างแท้จริง น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง"
เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติท้องถิ่นยืนยันยอดผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 ราย โดยพบร่าง เด็ก 2 คน ในเมืองเซบู ผู้สูงอายุ 1 ราย จมน้ำเสียชีวิตบนชั้นบนของบ้านในจังหวัดเลย์เต ส่วนชาย 1 ราย เสียชีวิตจากต้นไม้ล้มทับที่เกาะโบฮอล ประชาชนกว่า 400,000 คน ถูกสั่งอพยพออกจากเส้นทางพายุเป็นการล่วงหน้า รวมถึงผู้อาศัยในเต็นท์พักพิงชั่วคราวหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือนกันยายนด้วย
ในขณะที่ไต้ฝุ่นกำลังเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์และมุ่งหน้าสู่ทะเลจีนใต้ ทางการเวียดนามต้องเตรียมพร้อมรับมือ เพราะคาดว่าไต้ฝุ่นคัลแมกีจะพัดขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงถึง 166 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในช่วงคืนวันพฤหัสบดี
...
ทั้งนี้ ภาคกลางของเวียดนามเพิ่งเผชิญฝนตกหนักและน้ำท่วมเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ราย และสูญหาย 6 ราย โดยมีน้ำท่วมขังในบ้านเรือนเกือบ 80,000 หลัง โดยปกติจะมีพายุเข้าเวียดนามประมาณ 10 ลูกต่อปี แต่ไต้ฝุ่นคัลมาเอกิจะเป็นพายุลูกที่ 13 ของปี 2025
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์เตือนว่า ฟิลิปปินส์อาจต้องเผชิญกับพายุและไต้ฝุ่นอีก 3 ถึง 5 ลูก ก่อนสิ้นเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างหนักหน่วง.
ที่มา AFP