ประธานาธิบดีอิหร่านยืนยันว่า จะสร้างโรงงานนิวเคลียร์ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของอิสราเอลกับสหรัฐฯ ขึ้นมาใหม่ ให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 2568 นายมาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวระหว่างการเยือนองค์กรพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน ในกรุงเตหะราน ว่า อิหร่านจะสร้างโรงงานนิวเคลียร์ที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของอิสราเอลกับสหรัฐฯ ขึ้นมาใหม่ ให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
"การทำลายอาคาร... จะไม่ทำให้เราต้องถอยหลัง" นายเปเซชเคียนระบุในวิดีโอที่เผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเขา พร้อมเสริมว่า นักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่านยังคงมีความรู้ความชำนาญด้านนิวเคลียร์ที่จำเป็นอยู่ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใดๆ
คำพูดของนายเปเซชเคียนเกิดขึ้นหลังจาก อิสราเอลเปิดฉากการทิ้งระเบิดโจมตีอิหร่านครั้งใหญ่อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อเดือนมิถุนายน จุดชนวน “สงคราม 12 วัน” โดยฝ่ายอิสราเอลโจมตีเป้าหมายทั้งโรงงานนิวเคลียร์และฐานทัพทหาร รวมถึงพื้นที่ที่อยู่อาศัย และสังหารนักวิทยาศาสตร์ระดับสูงไปหลายคน
ด้านอิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัว (ballistic missile) ใส่เมืองต่างๆ ของอิสราเอล ก่อนที่สหรัฐฯ จะส่งเครื่องบินรบไปยังอิหร่านเพื่อทิ้งระเบิด “บังเกอร์บัสเตอร์” เพื่อทำลายโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่าน 3 แห่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันมาตลอดว่า การโจมตีดังกล่าวได้ “ทำลาย” โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านจนสิ้นซากแล้ว แต่ขอบเขตความเสียหายที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
อีกด้านหนึ่ง ประเทศโอมาน ซึ่งเคยเป็นตัวกลางเจรจาระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศ กลับมาเจรจากันอีกครั้งเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง ซึ่ง น.ส.ฟาติเมห์ โมฮาเจรานี โฆษกหญิงรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่า รัฐบาลได้รับข้อความเกี่ยวกับการรื้อฟื้นกระบวนการทางการทูต โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
...
ทั้งนี้ โอมานเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่านถึง 5 รอบในปีนี้ แต่ก่อนที่การเจรจารอบที่ 6 จะเริ่มขึ้นเพียง 3 วัน อิสราเอลก็เปิดฉากการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้การเจรจาดังกล่าวไม่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นสหประชาชาติยังกลับมาบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่านอีกครั้ง หลังจากอังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ได้ใช้กลไก "snapback" (การคว่ำบาตรโดยอัตโนมัติ) โดยอ้างว่า อิหร่านไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna