ตำรวจสิงคโปร์ได้ยึดทรัพย์สินและออกคำสั่งห้ามจำหน่ายทรัพย์สินหลายรายการ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 3,728 ล้านบาท) รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ 6 แห่ง เพื่อดำเนินการสอบสวนคดีปลอมแปลงเอกสารและฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับ Prince Holding Group หนึ่งในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของกัมพูชา และนายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้ง โดยการสืบสวนนี้เป็นผลมาจากการประสานงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศ
ตำรวจสิงคโปร์เปิดปฏิบัติการตรวจค้นครั้งใหญ่ทั่วประเทศเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) ยึดและอายัดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 3,728 ล้านบาท) ภายใต้การสอบสวนคดี ฟอกเงินและปลอมแปลงเอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของกัมพูชา Prince Holding Group และนายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้ง
แถลงการณ์จากสำนักงานตำรวจสิงคโปร์ระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีการยึดและออกคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน 6 แห่ง รวมถึงบัญชีธนาคาร บัญชีหลักทรัพย์ เงินสด และทรัพย์สินทางการเงินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการอายัดเรือยอชต์ รถยนต์ 11 คัน และสุราหลายขวด ที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
ตำรวจเปิดเผยว่า ขณะนี้เฉิน จื้อ วัย 37 ปี และเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการไม่ได้อยู่ในสิงคโปร์ และการสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป โดยได้รับข้อมูลด้านข่าวกรองทางการเงินจากสำนักงานรายงานธุรกรรมต้องสงสัยตั้งแต่ปี 2024
การสอบสวนดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเพิ่มเติมของหน่วยงานในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ออกประกาศเกี่ยวกับ Prince Group และนายเฉิน จื้อ ตำรวจสิงคโปร์จึงได้ร่วมมือกับเครือข่าย Anti-Money Laundering Case Coordination and Collaboration Network ซึ่งมีธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เป็นแกนนำ เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการครั้งนี้
...
ธนาคารกลางสิงคโปร์ยืนยันในแถลงการณ์ว่าได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับตำรวจ และเปิดเผยว่าสถาบันการเงินหลายแห่งได้ยื่นรายงานธุรกรรมต้องสงสัยตั้งแต่ปี 2022 พร้อมใช้มาตรการลดความเสี่ยง เช่น ปิดบัญชีที่เข้าข่ายต้องสงสัย ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงินของประเทศ
นางหลู่ เซียวอี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายนโยบายและอาชญากรรมทางการเงินของ MAS กล่าวย้ำว่า "การต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับโลก เนื่องจากเงินผิดกฎหมายมักเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดน เราจะทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานต่างประเทศและสถาบันการเงินเพื่อปกป้องระบบการเงินของสิงคโปร์จากกิจกรรมผิดกฎหมายทุกรูปแบบ"
ด้าน เดวิด ชิว ผู้อำนวยการกรมสอบสวนอาชญากรรมทางพาณิชย์ ระบุว่า "สิงคโปร์จะรักษาความซื่อสัตย์ในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลกที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม เราจะไม่ยอมให้บุคคลหรือกลุ่มอาชญากรใช้ระบบการเงินของเราหาประโยชน์ในทางผิดกฎหมาย" พร้อมระบุว่าคดีนี้เป็น "เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน" ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด
ตามกฎหมายของสิงคโปร์ ความผิดฐานฟอกเงินมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารเพื่อหลอกลวง มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และปรับเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตำรวจยังคงดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของ Prince Holding Group และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง.
ที่มา CNA