นักวิชาการชี้ การถอดยศเจ้าชายแอนดรูว์และขับออกจากที่ประทับคือมาตรการขั้นสูงสุด ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่มุ่งฟื้นภาพลักษณ์ราชวงศ์ หลังกรณีอื้อฉาวสัมพันธ์กับเจฟฟรีย์ เอปสตีนยืดเยื้อมานานหลายปี
การตัดสินใจของสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ในการถอดยศและปลดเจ้าชายแอนดรูว์ออกจากฐานันดรศักดิ์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของราชวงศ์วินด์เซอร์ และสะท้อนถึงความพยายามของกษัตริย์ในการจัดระเบียบบ้าน เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคใหม่
แหล่งข่าวจาก พระราชวังบักกิงแฮม ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เจ้าชายแอนดรูว์จะถูก ย้ายออกจากที่พำนัก "Royal Lodge" หลังถูกกดดันอย่างหนักจากสาธารณชนและสื่อมวลชนให้รับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ในอดีตกับ เจฟฟรีย์ เอปสตีน อาชญากรทางเพศฉาวระดับโลก
ก่อนหน้านี้ เจ้าชายแอนดรูว์ได้ตัดสินพระทัยคืนตำแหน่งดยุกแห่งยอร์กเมื่อช่วงต้นเดือน หลังมีรายงานเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในบันทึกความทรงจำของ เวอร์จิเนีย จูฟเฟร หนึ่งในผู้เสียหายจากเอปสตีน ซึ่งได้กล่าวอ้างถึงบทบาทของเจ้าชายในเครือข่ายนั้น
แต่พระราชาธิบดีชาร์ลส์ทรงดำเนินการด้วยมาตรการที่รุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ ด้วยการถอดคำเรียกขาน "เจ้าชาย" ออกจากฐานันดรศักดิ์ของแอนดรูว์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับมาตั้งแต่ประสูติในฐานะพระราชโอรสของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ศาสตราจารย์ จอร์จ กรอสส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ราชวงศ์จาก King’s College London วิเคราะห์ว่า "สิ่งที่กษัตริย์ชาร์ลส์ทำคือการจัดบ้านให้เป็นระเบียบ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นภาระระยะยาวของราชวงศ์
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ข่าวอื้อฉาวของเจ้าชายแอนดรูว์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีข่าวลือ การสัมภาษณ์ และการขุดคุ้ยมานานหลายปี การถอดยศครั้งนี้จึงไม่ใช่ระเบิดลงฉับพลัน หากแต่เป็นการสะสางอย่างเด็ดขาดหลังจากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้อมานาน
...
ศาสตราจารย์กรอสส์ยังกล่าวด้วยว่าแอนดรูว์มีภาพลักษณ์ที่สังคมมองว่าเป็นปัญหามานาน การที่สมเด็จพระราชาธิบดีเลือกใช้มาตรการสูงสุดในตอนนี้ นับเป็นสัญญาณว่าพระองค์ต้องการเริ่มต้นใหม่ เพื่อไม่ให้เงาของเรื่องนี้ตกทอดถึงรัชสมัยของเจ้าชายวิลเลียมในอนาคต
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนจากกษัตริย์ชาร์ลส์ว่า พระองค์ให้ความสำคัญกับ ความน่าเชื่อถือของสถาบันมากกว่าสายสัมพันธ์ภายในครอบครัว
ท่าทีที่แข็งกร้าวของพระองค์สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปกป้องสถาบันกษัตริย์จากผลกระทบของข่าวฉาวซ้ำซาก และสร้างภาพลักษณ์ของราชวงศ์ที่โปร่งใส มีความรับผิดชอบ และอยู่ในกรอบศีลธรรมสาธารณะ
ในอีกด้านหนึ่ง การเคลื่อนไหวนี้อาจช่วย เบาแรงเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 ให้สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ในอนาคตโดยไม่ถูกพัวพันกับรอยด่างของเรื่องราวในอดีต.
ที่มา : AP
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ เจ้าชายแอนดรูว์