ผู้ว่าราชการจังหวัดอากิตะ ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ร้องขอความช่วยเหลือจากกองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อปกป้องประชาชนจากการโจมตีของหมีที่เกิดขึ้นบ่อยผิดปกติ

นาย เคนตะ ซูซูกิ ผู้ว่าราชการจังหวัดอากิตะ โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ต.ค. 2568) ว่า "ความเหนื่อยล้าในพื้นที่กำลังถึงขีดจำกัด" หลังเกิดเหตุหมีโจมตีประชาชนหลายระลอก และว่า เขาวางแผนที่จะขอความช่วยเหลือจากกองกำลังป้องกันตนเองในการกำจัดหมี

ตามกำหนดการที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหม นายชินจิโร โคอิซุมิ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมคนใหม่ของญี่ปุ่น จะเข้าพบกับผู้ว่าฯ ซูซูกิในเช้าวันอังคารนี้ (28 ต.ค.)

อนึ่ง การร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าฯ ซูซูกิมีขึ้นหลังจาก เกิดเหตุหมีโจมตีในอากิตะเมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ท่ามกลางจำนวนการโจมตีทั่วประเทศในปีนี้ซึ่งทุบสถิติสูงสุด

ทางการท้องถิ่นในอากิตะระบุว่า มีประชาชนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากหมีแล้ว 54 รายในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีเพียง 11 ราย ขณะที่จำนวนการพบเห็นหมีก็เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 8,000 กรณี หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 6 เท่า

จำนวนหมีที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของประชากรในพื้นที่ชนบท ทำให้ผู้คนมีโอกาสเผชิญหน้ากับหมีมากขึ้นเรื่อย ๆ การเผชิญหน้าจำนวนมากเกิดขึ้นในเมืองและตามหมู่บ้านที่หมีเหล่านี้ออกหาอาหาร บางครั้งถึงขั้นบุกเข้าไปในบ้านเรือน และมีอย่างน้อยสองครั้งที่หมีบุกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต

นอกจากนั้น ปัญหาประชากรสูงอายุของญี่ปุ่นส่งผลให้ มีจำนวนนายพรานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมไม่เพียงพอที่จะติดตามหมี ซึ่งดูเหมือนจะเกรงกลัวมนุษย์น้อยลงกว่าในอดีต

ทั้งนี้ ในญี่ปุ่นมีหมีอยู่หลายชนิด ที่พบเห็นบ่อยคือ หมีดำญี่ปุ่น (Japanese black bear) ซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ สามารถมีน้ำหนักได้มากถึง 140 กิโลกรัม ส่วนหมีสีน้ำตาล (Brown bear) บนเกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือ สามารถมีน้ำหนักได้มากถึง 400 กิโลกรัม

...

ผู้ว่าฯ ซูซูกิระบุในโพสต์ของเขาว่า จังหวัดอากิตะได้เริ่มแจกจ่ายสเปรย์ขับไล่หมีตามเส้นทางไปโรงเรียนแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยของเด็ก ๆ


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna