ซามี ฮัมดี นักวิจารณ์อิสราเอลตัวยงชาวสหราชอาณาจักรถูกจับกุมตัวในสหรัฐฯ ข้อหาสนับสนุนผู้ก่อการร้าย ขณะที่องค์กรมุสลิมโต้แย้งว่าเป็นการมุ่งเป้าทางการเมือง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 27 ต.ค. 2568 ว่า นายซามี ฮัมดี นักข่าวและนักวิเคราะห์ข่าวชาวสหราชอาณาจักร และเป็นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลอย่างเปิดเผย ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและบังคับใช้กฎหมายศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE) ควบคุมตัวแล้ว
น.ส.ทริเซีย แม็คลัฟลิน โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) เปิดเผยผ่าน X ว่า นายฮัมดีถูกเจ้าหน้าที่ ICE เข้าควบคุมตัวขณะอยู่ระหว่างการทัวร์บรรยายในสหรัฐฯ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ นายฮัมดีกำลังอยู่ระหว่างรอการเนรเทศออกจากประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศและ DHS อ้างว่า ฮัมดี สนับสนุนการก่อการร้ายและเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนชาวมุสลิมโต้แย้งว่า เขาถูกมุ่งเป้าโจมตีทางการเมือง ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการพูดของเขา
โพสต์บน X ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า "เราเคยกล่าวไว้แล้ว และจะกล่าวอีกครั้งว่า สหรัฐอเมริกาไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องเป็นเจ้าภาพต้อนรับชาวต่างชาติที่สนับสนุนการก่อการร้าย และบ่อนทำลายความปลอดภัยของชาวอเมริกันอย่างแข็งขัน"
ทางกระทรวงระบุเพิ่มเติมด้วยว่า พวกเขาจะดำเนินการ เพิกถอนวีซ่า ของบุคคลที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ นายซามี ฮัมดี ถูกควบคุมตัวที่สนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโกเมื่อวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) หลังจากเมื่อวันเสาร์เขาไปบรรยายในงานกาล่าประจำปีของ สภาความสัมพันธ์อเมริกัน-อิสลาม (CAIR) สาขาแซคราเมนโต และมีกำหนดจะบรรยายในงานกาล่าของ CAIR สาขาฟลอริดาในวันอาทิตย์ แต่ถูกจับกุมตัวเสียก่อน
...
CAIR ระบุในแถลงการณ์ว่า "ประเทศของเราต้องหยุดการลักพาตัวผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอิสราเอลตามคำขอร้องของผู้คลั่งไคล้ 'อิสราเอลต้องมาก่อน' (Israel First) ที่ขาดสติ นี่คือนโยบาย 'อิสราเอลต้องมาก่อน' ไม่ใช่ 'อเมริกาต้องมาก่อน' และมันต้องยุติลง" พร้อมกับเรียกร้องให้ ICE ปล่อยตัวนายฮัมดีทันที
อนึ่ง การจับกุมนายฮัมดีเกิดขึ้นหลังจากที่ น.ส.ลอรา ลูเมอร์ นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวาจัดและพันธมิตรของทรัมป์ โพสต์ข้อความมากมายบน X กล่าวหานายฮัมดีว่า สนับสนุนองค์กรก่อการร้าย ขณะที่ CAIR โต้แย้งว่า ลูเมอร์ กำลังส่งเสริม "ทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านชาวมุสลิม"
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc