ดัชนีนิกเกอิ 225 ของญี่ปุ่น ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ทะลุแนวต้านทางจิตวิทยา 50,000 จุด หลังนางซานาเอะ ทาคาอิจิ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พร้อมให้คำมั่นนโยบายเน้นการเติบโตและมาตรการกระตุ้นทางการคลังมูลค่ากว่า 13.9 ล้านล้านเยน

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นทำสถิติครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อดัชนีนิกเกอิ 225 ทะยานผ่านระดับ 50,000 จุด เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนต่างคาดหวังถึงมาตรการใช้จ่ายครั้งใหญ่จากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ การที่ดัชนีสามารถก้าวข้ามแนวต้านทางจิตวิทยาที่สำคัญนี้ได้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งล่าสุดสำหรับดัชนีหุ้นบลูชิพที่ร้อนแรงอย่างมาก นับตั้งแต่นางซานาเอะ ทาคาอิจิ ผู้มีแนวคิดสนับสนุนการใช้จ่ายทางการคลัง ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ

โดยดัชนีนิกเกอิ 225 พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 2.4% แตะระดับสูงสุดระหว่างวันที่ 50,491.23 จุด ก่อนจะปิดตลาดภาคเช้าด้วยการปรับขึ้น 2.1% ที่ระดับ 50,337.36 จุด ส่งผลให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันของดัชนีอยู่ที่ 26%

ขณะที่ดัชนี โทปิกซ์ ซึ่งเป็นดัชนีในวงกว้างกว่า ก็ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 1.6% ปิดตลาดภาคเที่ยงที่ 3,321.48 จุด และมีผลตอบแทนสะสมปีนี้ที่ 19.3%

นายฮิโรยูกิ อุเอโนะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของ Sumitomo Mitsui Trust Asset Management ระบุว่า "การปรับขึ้นของนิกเกอิได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังในรัฐบาลของทาคาอิจิ ซึ่งมีนโยบายที่เน้นการเติบโตเป็นหลัก" โดยเสริมว่า ตลาดซื้อขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าดัชนีจะปรับลดลงหลังทาคาอิจิได้รับเลือกตั้ง แต่การลดลงนั้นไม่นาน เนื่องจากนักลงทุนที่พลาดโอกาสการปรับขึ้นรอบก่อนหน้าต่างเข้า "ช้อนซื้อ" หุ้นเมื่อราคาลดลง

หุ้นที่ให้แรงหนุนนิกเกอิมากที่สุดในวันจันทร์คือ ผู้ผลิตอุปกรณ์ทดสอบชิป Advantest ซึ่งราคาพุ่งขึ้น 5.15% ขณะที่บริษัทเจ้าของแบรนด์ Uniqlo อย่าง Fast Retailing ก็เพิ่มขึ้น 2.73%

...

ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิ 225 ได้ทะลุระดับ 45,000 จุด ไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน และทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่สำหรับตลาดที่ซบเซามานาน โดยก่อนหน้านี้ดัชนีต้องใช้เวลาถึง 34 ปี กว่าจะฟื้นตัวกลับมาสู่จุดสูงสุดในยุคเศรษฐกิจฟองสบู่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2024

นายนิชิฮิโระ ยามากูจิ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำประเทศญี่ปุ่นของ Oxford Economics ให้ความเห็นว่า "มาตรการทางการคลังมักจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่แท้จริงต่อเศรษฐกิจโดยรวม"

การที่ดัชนีพุ่งเข้าใกล้ 50,000 จุด เมื่อวันอังคารที่แล้ว เกิดขึ้นหลังนางทาคาอิจิผ่านการโหวตในรัฐสภาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเธอให้คำมั่นที่จะดำเนินนโยบายการใช้จ่ายเชิงรุก พร้อมคาดการณ์ว่าแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีมูลค่าสูงกว่า 13.9 ล้านล้านเยน

ทั้งนี้ นางทาคาอิจิ ได้เข้ารับตำแหน่งต่อจากนายชิเงรุ อิชิบะ และเป็นผู้ที่สนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ "อาเบะโนมิกส์" ของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ตามกำหนดการ นางทาคาอิจิ จะเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในช่วงเย็นวันจันทร์ และจะมีการประชุมสุดยอดทวิภาคีในวันอังคารนี้