โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เยือนมาเลเซียร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ขณะที่บรรดาผู้นำอาเซียนจับตานโยบายการค้าและความมั่นคง

วันที่ 25 ตุลาคม 2568 บรรดาผู้นำสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศ และคู่เจรจา รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะพบกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคม และคาดว่าจะหารือกันในประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การค้าไปจนถึงปัญหาความขัดแย้งระดับโลก

โดยผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าเจมีสัน กรีเออร์ สำหรับผู้เข้าร่วมงานอื่นๆ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ค คาร์นีย์ ประธานาธิบดีบราซิล หลุยส์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซิริล รามาโฟซา นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบาเนเซ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเกาหลีใต้และรัสเซีย และผู้นำจากฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว บรูไน และเมียนมาร์

ก่อนที่ทรัมป์จะเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมฟอรั่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมถึง 1 พฤศจิกายน 

ความพยายามสงบศึกไทย-กัมพูชา

ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คาดว่าไทยและกัมพูชา จะลงนามร่างประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นสำหรับข้อพิพาทเรื่องพรมแดน หลังจากความขัดแย้งที่นองเลือดยาวนาน 5 วันในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย และรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวว่าทรัมป์ตั้งตารอที่จะได้ร่วมในพิธีลงนามระหว่างการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ หลังจากการประชุม JBC และ GBC ระหว่างไทยและกัมพูชา เห็นชอบข้อตกลง 4 ข้อ ทั้งการถอนอาวุธหนัก เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ และบริหารพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นข้อเสนอของไทย

...

ความอึดอัดเมื่อผู้นำโลกต้องนั่งร่วมโต๊ะกับทรัมป์

คาดว่าทรัมป์จะใช้การประชุมอาเซียนเป็นเวทีพบผู้นำประเทศต่างๆ แบบส่วนตัว โดยบางคนมีความสัมพันธ์ตึงเครียดกับทรัมป์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยรายแรกคือประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล ซึ่งเคยปะทะทางวาจากับทรัมป์ หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากบราซิลจาก 10% เป็น 50% เมื่อเดือนที่แล้ว โดยทรัมป์อ้างว่าเป็นการตอบโต้การล่าแม่มด  ที่บราซิลดำเนินคดีกับอดีตผู้นำ ชาอีร์ โบลโซนาโร

ขณะที่ทั้งสองตกลงพบกันอีกครั้งหลังพูดคุยทางโทรศัพท์ ภายหลังการเจอกันสั้นๆ ที่สหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บรรดาผู้นำอาเซียนก็เตรียมเข้าเจรจาแบบส่วนตัวกับทรัมป์เช่นกัน รวมถึงเจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม โดยทั้งคู่คาดว่าจะร่วมกันลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ–มาเลเซีย มูลค่าราว 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงแผนการลงทุน และการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ อาทิ ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และเครื่องบินพาณิชย์

อาเซียนและ RCEP ฟื้นการค้าในภูมิภาค

ขณะที่อาเซียนหวังผลลัพธ์ด้านบวกจากการเจรจากับสหรัฐฯ ผู้นำกลุ่มยังคงผลักดันความร่วมมือภายในกันเอง เพื่อเปิดเสรีการค้า การลงทุน และพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะชิปอิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัล

นายอันวาร์กล่าวว่า เขาต้องการให้อาเซียนถูกมองเป็นตลาดเดียว  ที่มีประชากรหนุ่มสาวกว่า 680 ล้านคน ฐานชนชั้นกลางที่เติบโตเร็ว และทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศสมาชิกขนาดใหญ่กับประเทศยากจนยังเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้หลายแผนการค้าเสรีชะงักงันเพราะปัจจัยทางการเมืองภายในประเทศ

การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะฟื้นการเจรจาในกรอบ ข้อตกลงการค้าเสรี RCEP ซึ่งมีสมาชิก 15 ชาติ โดยนายอันวาร์ได้เชิญผู้นำประเทศคู่ค้าใหญ่ เช่น นายกรัฐมนตรีจีน  นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เข้าร่วมด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้นำจาก บราซิล จีน และแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ร่วมประชุมด้วย เพื่อเปิดทางสู่ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับ BRICS แม้จะยังไม่อยู่ในวาระอย่างเป็นทางการ

ความมั่นคงและขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ

นอกจากการค้าแล้ว ประเด็นด้านความมั่นคงก็เป็นอีกสิ่งที่อาเซียนต้องการคำมั่นจากทรัมป์ ว่าสหรัฐฯ ยังเป็น พันธมิตรที่ไว้ใจได้ในการถ่วงดุลอำนาจกับจีน โดยเฉพาะในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ โดยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ  ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะยังคงมีบทบาทในภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก แต่จะมาพร้อมเงื่อนไข อาทิ การซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ

อีกประเด็นที่อาจกลายเป็นระเบิดเวลาคือ ขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ หลังสหรัฐฯ เพิ่งอายัดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตั้งข้อหาผู้ก่อตั้ง Prince Group กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของกัมพูชา  ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงทางคริปโตที่ใช้แรงงานบังคับในค่ายผิดกฎหมาย

สหรัฐฯ คาดว่าจะเรียกร้องให้ กัมพูชา ไทย และฟิลิปปินส์ ชี้แจงว่าขบวนการเหล่านี้ดำเนินการในประเทศได้อย่างไร และอาเซียนอาจออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อจัดการกับปัญหาที่ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค

เก้าอี้ว่างของเมียนมา และสมาชิกใหม่ติมอร์-เลสเต

นับเป็นปีที่สามติดต่อกันที่เมียนมา ถูกห้ามส่งผู้นำรัฐบาลทหารเข้าร่วมประชุมอาเซียน เนื่องจากไม่สามารถยุติสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นหลังรัฐประหารเมื่อปี 2564 อาเซียนถูกกดดันให้แสดงจุดยืนชัดเจนต่อการเลือกตั้ง ที่รัฐบาลทหารเมียนมาวางแผนจัดขึ้นในเดือนธันวาคม ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลเผด็จการ แม้จะจัดขึ้นเฉพาะบางพื้นที่ที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุม

...

นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย  กล่าวเมื่อวันพุธว่า เขาจะจัดการประชุมกับตัวแทนรัฐบาลทหารและฝ่ายค้านของเมียนมาในวันศุกร์นี้ และจะรายงานผลต่อที่ประชุมอาเซียนในวันถัดมา เพื่อพิจารณาท่าทีร่วมของกลุ่ม

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเตรียมประกาศรับ ติมอร์-เลสเต เป็นสมาชิกใหม่ลำดับที่ 11 อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะขยายขอบเขตทางทะเลของอาเซียน และเพิ่มน้ำหนักให้กับเป้าหมายความมั่งคั่งร่วมกันของภูมิภาค.

ที่มา SCMP Reuters