นายกรัฐมนตรีอูล์ฟ คริสเตอร์สัน ของสวีเดน เปิดเผยเมื่อวันพุธหลังหารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ว่าสวีเดนได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อเปิดทางการส่งออกเครื่องบินขับไล่ "กริพเพน อี" ผลิตโดยบริษัทซาบ (Saab) จำนวน 100 ถึง 150 ลำให้แก่ยูเครน ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือระยะยาวด้านการป้องกันภัยทางอากาศ คำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E รุ่นใหม่ หากเกิดขึ้นจริง จะนับเป็นคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่สวีเดนเคยมีมา

ผู้นำทั้งสองได้หารือกันที่เมืองลิงเชอปิง ทางตอนใต้ของสวีเดน และเยี่ยมชมโรงงานของบริษัท ซาบ (Saab) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่กริพเพน โดยนายคริสเตอร์สสันกล่าวว่า สวีเดนจะมุ่งมั่นสำรวจทุกความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องบินขับไล่กริพเพนจำนวนมากให้แก่ยูเครนในอนาคต แม้จะยอมรับว่า "หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล"

ด้านประธานาธิบดีเซเลนสกีย้ำว่า เครื่องบินกริพเพนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับกองทัพยูเครน โดยเขากล่าวว่า "เราได้เริ่มต้นทำงานเพื่อให้ได้กริพเพนมาสู่ยูเครน และคาดว่าสัญญาในอนาคตจะอนุญาตให้เราจัดซื้อเครื่องบินดังกล่าวได้อย่างน้อย 100 ลำ"

ความเป็นไปได้ในการจัดหากริพเพนให้กับยูเครนได้รับการพิจารณาในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่ถูกชะลอไปเพื่อให้ยูเครนมุ่งเน้นไปที่การรับเครื่องบิน F-16 ของสหรัฐฯ ที่เริ่มใช้งานเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว

เครื่องบินกริพเพนเป็นตัวเลือกที่มีความทนทานและมีต้นทุนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องบินอย่าง F-35 ของสหรัฐฯ โดยนักบินยูเครนได้เดินทางมาทดสอบเครื่องบินกริพเพนในสวีเดนแล้ว และผู้นำยูเครนระบุว่า มีเป้าหมายที่จะได้รับและเริ่มใช้เครื่องบินกริพเพนในปีหน้า

นายคริสเตอร์สสันกล่าวว่า แม้จะยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่คาดการณ์ว่าการผลิตและส่งมอบเครื่องบินใหม่ชุดแรกอาจต้องใช้เวลาประมาณ สามปี โดยยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะจัดส่งเครื่องบินกริพเพนรุ่นเก่าให้เร็วกว่านั้นหรือไม่

...

ส่วนเรื่องแหล่งเงินทุนสำหรับการจัดซื้อ นายกรัฐมนตรีสวีเดนกล่าวว่า อาจมาจากทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้ในประเทศตะวันตก และจากประเทศพันธมิตร แต่ยังต้องมีการดำเนินการอีกมากก่อนจะบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์

ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามทางอากาศมองว่า ข้อตกลงนี้แสดงให้เห็นว่ายูเครนกำลังวางแผนระยะยาวสำหรับกองทัพอากาศในยุคหลังสงคราม โดยกริพเพน อี ถือเป็นเครื่องบินขับไล่น้ำหนักปานกลางที่มีศักยภาพสูงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาจากระบบเรดาร์ ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ภายใน และความสามารถในการยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยไกล Meteor

นอกจากนี้ ก่อนเดินทางมายังสวีเดน ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้แวะเยือนกรุงออสโล ซึ่งรัฐบาลนอร์เวย์ได้ประกาศบริจาคเงินอีก 1.5 พันล้านโครนนอร์เวย์ให้ยูเครน เพื่อใช้ในการจัดซื้อก๊าซธรรมชาติสำหรับใช้ในระบบไฟฟ้าและความร้อน.


ที่มา Reuters