บริษัท สเปซเอ็กซ์ ยืนยัน ระงับการให้บริการอุปกรณ์ Starlink ที่ศูนย์หลอกลวงในเมียนมาไปแล้วมากกว่า 2,500 เครื่อง หลังอุปกรณ์ถูกแก๊งมิจฉาชีพนำไปใช้อย่างกว้างขวาง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รองประธานบริษัท “สเปซเอ็กซ์” (SpaceX) เปิดเผยในวันพุธที่ 22 ต.ค. 2568 ว่า พวกเขาระงับการให้บริการอุปกรณ์ Starlink ที่ศูนย์หลอกลวงในเมียนมาใช้ไปแล้วมากกว่า 2,500 เครื่อง หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพหันมาใช้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมนี้มากขึ้น หลังทางการไทยตัดการส่งพลังงานและอินเทอร์เน็ต

กลุ่มอาคารของแก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมา ซึ่งหลอกลวงชาวต่างชาติด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งหลอกให้รักแล้วตบทรัพย์ หรือ “โรแมนซ์สแกม” และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขยายขนาดขึ้นตามแนวชายแดนของเมียนมาโดยอาศัยช่วงที่การปกครองหย่อนยานเนื่องจากภาวะสงครามกลางเมือง ซึ่งเริ่มขึ้นหลังกองทัพก่อรัฐประหารในปี 2564

การปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ในเมียนมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีคนงานเกือบ 7,000 คนถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ขณะที่ทางการไทยบังคับใช้มาตรการระงับการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามพรมแดน ไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้งาน

แต่การสืบสวนของ AFP ในเดือนนี้เปิดเผยว่า การก่อสร้างอาคารเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว

ศูนย์จำนวนมากดูเหมือนจะติดตั้งเครื่องรับอินเทอร์เน็ต Starlink จำนวนมากบนหลังคา หลังจากที่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านได้ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไฟฟ้าของพวกเขา

น.ส.ลอเรน เดรเยอร์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจ Starlink ของบริษัท SpaceX กล่าวว่า บริษัทได้ยกเลิกการใช้งานชุดอุปกรณ์ Starlink มากกว่า 2,500 ชุด ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ต้องสงสัยว่าเป็น “ศูนย์หลอกลวง” ในเมียนมา แต่เธอไม่ได้ระบุว่า การยกเลิกการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด

...

ด้านกองทัพเมียนมาเพิ่งประกาศในสัปดาห์นี้ว่า ได้บุกเข้าตรวจค้นอาคาร “เคเค พาร์ก” (KK Park) ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์หลอกลวงที่เป็นที่รู้จักที่สุดของประเทศ และยึดอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ได้ 30 เครื่อง แต่ตามรายงานของ AFP ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของจำนวนที่ใช้ในสถานที่ดังกล่าวเท่านั้น

นักข่าวของ AFP รายงานด้วยว่า ในวันพุธ (22 ต.ค.) พวกเขาเห็นผู้คนกว่า 1,000 คนเดินทางออกจากสถานที่ดังกล่าวด้วยการเดินเท้า, ขี่จักรยานยนต์ หรืออัดแน่นอยู่ในรถกระบะ

คนงาน เคเค พาร์ก คนหนึ่งซึ่งกำลังจะเดินทางออกไป บอกกับ AFP ว่า การปราบปรามยังคงดำเนินอยู่ “ประมาณ 10 โมงเช้า มีทหารเมียนมานั่งรถบรรทุกสี่คันมาถึงที่ไซต์ของเรา.”

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บอกกับ AFP ว่า ศูนย์หลอกลวงเหล่านี้ได้กลายเป็น เสาหลักสำคัญ ของเศรษฐกิจในช่วงสงครามของเมียนมา ซึ่งกองทัพกำลังต่อสู้กับกลุ่มกบฏหลายกลุ่มนับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจ และพึ่งพาการสนับสนุนทางทหารจากจีนเพื่อรักษาอำนาจในการปกครอง

แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลทหารยังต้องพึ่งพากองกำลังติดอาวุธที่ทรงอิทธิพลซึ่งควบคุมพื้นที่ชายแดนในนามของพวกเขา แลกกับการได้รับผลประโยชน์จากศูนย์หลอกลวงเหล่านี้

นาธาน รูเซอร์ นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่า “รัฐบาลทหารจำเป็นต้องสามารถทำให้กองกำลังติดอาวุธเหล่านั้นร่ำรวยได้ ... แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ถูกกดดันจากจีนด้วย.”

อนึ่ง จีนไม่พอใจที่พลเมืองจีนกลายเป็นแกนนำในการหลอกลวงในเมียนมา และหลอกคนจำนวนมากเข้าไปให้ศูนย์เหล่านี้และบังคับให้ทำงานหลอกลวงผ่านทางออนไลน์ โดยมุ่งเป้าหมายไปยังหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงชาวจีนด้วยกัน รัฐบาลปักกิ่งจึงเป็นผู้นำในการกดดันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อควบคุมตลาดมืดที่กำลังเฟื่องฟูนี้

รูเซอร์กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้คือการรักษาสมดุล โดยรัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการในเชิงสัญลักษณ์ ขณะที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ทำอะไรเลย


ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign


ที่มา : cna