กลุ่มฮามาสคืนศพผู้เสียชีวิตที่เชื่อว่าเป็นตัวประกันที่พวกเขาจับตัวไป ให้อิสราเอลเพิ่มอีก 2 รายในวันเสาร์ พร้อมกับตำหนิอิสราเอลว่า ทำให้การค้นหาศพตัวประกันที่เหลือยากขึ้นอีก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มฮามาสส่งคืนศพผู้เสียชีวิตที่เชื่อว่าเป็นร่างของตัวประกันที่พวกเขาจับตัวมา ให้แก่อิสราเอลเพิ่มอีก 2 รายในคืนวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. 2568 โดยฮามาสอ้างว่า กู้คืนร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองได้ในฉนวนกาซาในช่วงเช้าวันเดียวกันนี้
ร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวถูกส่งผ่านทางเจ้าหน้าที่กาชาดในฉนวนกาซา ไปยังกองทัพอิสราเอล และถูกลำเลียงเข้าสู่ดินแดนของอิสราเอลเพื่อทำการระบุตัวตนอย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่การหยุดยิงเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่กลับสู่อิสราเอลครบทั้ง 20 คนแล้ว และคืนศพตัวประกันให้อิสราเอลแล้ว 10 รายจากทั้งหมด 28 ราย
อย่างไรก็ตาม ความล่าช้านี้ก่อให้เกิดความไม่พอใจในอิสราเอล เนื่องจากเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามกันเมื่อสัปดาห์ก่อนระบุให้มีการปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมด ทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิตแล้ว ออกจากกาซา อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสอ้างว่ากำลังประสบปัญหาในการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือซึ่งอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
สำนักงานของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล มีคำสั่งให้ปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ ระหว่างกาซาและอียิปต์ ต่อไปจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม และว่าจะเปิดด่านอีกครั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับการส่งคืนร่างตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมด และการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง
จุดผ่านแดนราฟาห์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวปาเลสไตน์ที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์เพื่อเดินทางออกไป และสำหรับคนอีกหลายพันคนที่ต้องการเดินทางกลับเข้าพื้นที่
...
ด้านกลุ่มฮามาสตำหนิอิสราเอลว่าทำให้การค้นหาศพตัวประกันที่เสียชีวิตยากขึ้น เนื่องจากการโจมตีทางอากาศในกาซาได้เปลี่ยนอาคารจำนวนมากให้กลายเป็นซากปรักหักพัง และอิสราเอลไม่อนุญาตให้นำเครื่องจักรหนักและรถขุดเข้าไปในพื้นที่
ทอม เฟลตเชอร์ หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (UN) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า ฉนวนกาซา "ตอนนี้กลายเป็นดินแดนรกร้าง" (wasteland) แล้ว โดยผู้คนต้องขุดคุ้ยตามซากปรักหักพังเพื่อหาร่างผู้เสียชีวิต และพยายามตามหาบ้านเรือนของตนเอง ที่ส่วนใหญ่ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc