ชาวอเมริกันรวมตัวประท้วงตามเมืองหลวงทั่วประเทศ ภายใต้สโลแกน “โนคิงส์” เพื่อต่อต้านโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พวกเขามองว่าเป็นเผด็จการ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้คนจำนวนมหาศาลมารวมตัวกันเพื่อประท้วงนโยบายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ภายใต้สโลแกน “โนคิงส์” (No Kings) ที่เมืองต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดีซี, ชิคาโก, ไมอามี และลอสแอนเจลิส เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. 2568
การชุมนุมที่ ไทม์สแควร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนครนิวยอร์ก ดึงดูดผู้คนมารวมตัวกันได้หลายพันคน ไม่นานหลังจากการชุมนุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ โดยผู้คนรวมตัวกันแน่นถนนและทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดิน พร้อมชูป้ายข้อความประท้วงต่างๆ เช่น “ประชาธิปไตยไม่ใช่ราชาธิปไตย” (Democracy not Monarchy) และ "รัฐธรรมนูญไม่ใช่ตัวเลือก"
ก่อนหน้านี้ พันธมิตรของนายทรัมป์ออกมากล่าวหาว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับกลุ่ม “แอนติฟา” (Antifa) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายจัด ที่นายทรัมป์เพิ่งประกาศให้เป็นองค์กรก่อการร้าย และประณามว่าเป็น “การชุมนุมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังอเมริกา”
ผู้จัดการประท้วงและผู้ที่ออกมาชุมนุมในวันเสาร์ยืนยันว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปอย่างสันติ โดยเว็บไซต์ของกลุ่ม “โนคิงส์” ระบุบนเว็บไซต์ของตัวเองว่า “การไม่ใช้ความรุนแรง” คือหลักการของกิจกรรมทั้งหมดของกลุ่ม และกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมทุกคน ลดความรุนแรงของการเผชิญหน้าที่อาจเกิดขึ้น
ที่นิวยอร์ก กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนส่งเสียงตะโกนเป็นระยะว่า "นี่แหละคือโฉมหน้าของประชาธิปไตย" ท่ามกลางเสียงกลองที่ดังอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับเสียงกระดิ่งวัวและเครื่องเสียงอื่น ๆ ในขณะที่มีเฮลิคอปเตอร์และโดรน บินอยู่เหนือศีรษะ และมีตำรวจยืนประจำการอยู่ไม่ไกล
...
หนึ่งในผู้จัดงานใช้เครื่องขยายเสียงประกาศว่ามีผู้เข้าร่วมการประท้วงถึง 100,000 คน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเขาหมายถึงเฉพาะในบริเวณไทม์สแควร์ หรือรวมถึงทั่วทั้ง 5 เขตของเมืองในรัฐนิวยอร์ก ขณะที่ตำรวจคาดว่า มีผู้ชุมนุมประมาณ 20,000 คน เดินขบวนไปตามถนนเซเวนท์ อเวนิว
เบธ แซสลอฟฟ์ นักเขียนอิสระและบรรณาธิการ กล่าวว่า เธอเข้าร่วมการประท้วงในนิวยอร์กเพราะเธอรู้สึกโกรธต่อสิ่งที่เธอเรียกว่าเป็น "การเคลื่อนไปสู่ลัทธิฟาสซิสต์และรัฐบาลเผด็จการ" ที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐบาลทรัมป์
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กลับสู่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนมกราคม โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ใช้อำนาจของประธานาธิบดีเป็นวงกว้าง เขาลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ ระงับเงินทุนที่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส, ยุบส่วนต่างๆ ของรัฐบาลกลาง, บังคับใช้มาตรการภาษีครั้งใหญ่กับประเทศอื่น ๆ และส่งทหารคุมเมืองที่ต่อต้านมาตรการจับกุมผู้อพยพของเขา
ประธานาธิบดีกล่าวว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งจำเป็นในการ สร้างประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤตขึ้นใหม่ และเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาเป็นเผด็จการหรือฟาสซิสต์ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์เตือนว่าการกระทำบางอย่างของรัฐบาลชุดนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตยของอเมริกา
นอกจากในอเมริกาแล้ว ทั่วยุโรปยังมีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมตามท้องถนนในกรุงเบอร์ลิน กรุงมาดริด และกรุงโรม เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ผู้ประท้วงจำนวนสองสามร้อยคนยังได้รวมตัวกันนอกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน ด้วย
ส่วนที่เมืองโทรอนโต ก็มีผู้ประท้วงรวมตัวกันใกล้กับสถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯ และชูป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า "อย่ามายุ่งกับแคนาดา" (Hands off Canada)
อนึ่ง ชาวอเมริกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับนายทรัมป์ที่แตกแยกกันอย่างมาก โดยผลสำรวจล่าสุดของ รอยเตอร์/อิปซอส พบว่ามีผู้ที่พอใจกับผลงานของเขาในฐานะประธานาธิบดีเพียง 40% ในขณะที่ 58% ไม่พอใจ ตัวเลขนี้ถือว่าใกล้เคียงกับคะแนนนิยมเฉลี่ยในการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของเขา แต่ยังต่ำกว่าคะแนนนิยม 47% ตอนที่เขาเพิ่งรับตำแหน่งสมัยที่ 2
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc