กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากหมีทำร้ายในปีนี้ พุ่งขึ้นแตะ 7 ราย นับตั้งแต่เดือนเมษายน ถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2006 โดยเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดฮอกไกโด
การโจมตีของหมีมักจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก่อนที่พวกมันจะเข้าสู่ภาวะจำศีล ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้หมีที่หิวโหยเข้าสู่เขตชุมชนคือเมล็ดของต้นบีชที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้การลดลงของจำนวนประชากรในพื้นที่ชนบทก็ถูกระบุว่าเป็นอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
ตัวเลขจากกระทรวงฯ ชี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิต 7 รายในปีนี้ แซงหน้าสถิติเดิม 5 รายที่บันทึกไว้เมื่อปีสิ้นสุดเดือนเมษายน 2024 ไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกประมาณ 100 ราย ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 85 ราย ในรอบ 12 เดือนก่อนหน้า
เหตุการณ์ล่าสุดที่ต้องสงสัยว่าถูกหมีทำร้ายเกิดขึ้นที่เมือง คิตาคามิ จังหวัดอิวาเตะ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังมีรายงานว่าชายอายุ 60 ปี ซึ่งกำลังทำความสะอาดบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งได้หายตัวไป โดยเจ้าหน้าที่พบเลือดมนุษย์และขนหมีในที่เกิดเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่เพิ่งมีการยืนยันว่าชายที่พบศพเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในจังหวัดอิวาเตะก็เสียชีวิตจากการถูกหมีทำร้ายเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุการณ์ที่น่าตกใจในเมืองนุมะตะ จังหวัดกุนมะ ทางเหนือของกรุงโตเกียว เมื่อหมีโตเต็มวัยขนาด 1.4 เมตรตัวหนึ่ง ได้บุกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตและทำร้ายชายสองคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวอยู่ใกล้พื้นที่ภูเขา แต่ไม่เคยมีหมีเข้าใกล้มาก่อน ผู้จัดการร้านเล่าว่ามีลูกค้าอยู่ภายในร้านประมาณ 30-40 คน และหมีมีอาการตื่นตระหนกขณะพยายามหาทางออก
...
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวสเปนรายหนึ่งก็ถูกหมีทำร้ายที่ป้ายรถประจำทางในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่นด้วย
ทั้งนี้ ในญี่ปุ่นพบหมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ได้แก่ หมีดำเอเชีย และ หมีสีน้ำตาล ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า และพบได้เฉพาะที่เกาะฮอกไกโดเท่านั้น.
ที่มา BBC